16.10.48

รำลึก 105 ปีสมเด็จย่า ดอยตุงมินิ / ฮาล์ฟมาราธอน ครั้งที่ 13

ชื่องาน: รำลึก 105 ปีสมเด็จย่า ดอยตุงมินิ / ฮาล์ฟมาราธอน ครั้งที่ 13
วันที่: 16 ตุลาคม 2548
สถานที่: ณ สถานีขนส่ง ปากทางขึ้นพระตำหนักดอยตุง อ. แม้ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
สรุปผลการประเมิน: 74 คะแนน ใช้ได้ เกือบดี

เส้นทางการเดิน-วิ่ง: เส้นทางการวิ่งของงานนี้ เริ่มต้นจากบริเวณหน้าสถานีขนส่งดอยตุง (ท่ารถม่วง) วิ่งไปสู่เส้นชัยอีกจุดหนึ่งซึ่งเป็นบริเวณหน้าอาคารหอพระราชประวัติพระหนักดอยตุง ตลอดเส้นทางการวิ่งร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ หมอกบางๆ ตลอดเส้นทางการวิ่งมินิ เป็นเส้นทางลาดยางวิ่งขึ้นเนินตลอด การจราจรปิดสนิทสำหรับนักวิ่ง ถือได้ว่าเป็นเส้นทางที่เหมาะสมสำหรับการวิ่ง การออกกำลังกาย และท่องเที่ยว ทั้งสวยงาม และแฝงไปด้วยความท้าทายสำหรับนักวิ่งพอดู กอรปกับการดูแลจากหน่วยปฐมพยาบาล และจุดให้น้ำที่ให้กันทุกๆ 2 กิโล ถือว่าเป็นเส้นทางการวิ่งที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ทั้งบรรยากาศ ความท้าทาย และ ความปลอดภัย

คำแนะนำสำหรับนักวิ่ง:
เส้นทางการแข่งขันแห่งนี้เป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับการออกกำลังกายและการไปพักผ่อนเป็นอย่างมาก และเส้นทางการวิ่งที่ขึ้นเนิน ขึ้นดอยตลอด เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่เคยวิ่งแต่ทางเรียบเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาทักษะการวิ่งได้อีกด้วย และการวิ่งขึ้นดอยครั้งนี้ก็ไม่อันตราย และไม่ค่อยมีผลกระทบต่อร่างกายนักวิ่งมากนัก แต่ในทางกลับกันหากเปลี่ยนเส้นทางจากการวิ่งขึ้นดอยเป็นลงดอย คิดว่างานนี้นักวิ่งหลายๆคนอาจบาดเจ็บได้ เพราะทางค่อนข้างชัน สำหรับการฝึกซ้อม และเตรียมตัววิ่งขึ้นดอยแล้ว ในระหว่างร่วมการแข่งขันสนามนี้ก็อยากแนะนำให้นักวิ่งได้พกเงินติดตัวกันไปด้วย เนื่องสถานที่การแข่งขันแห่งนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว พอเสร็จสิ้นการแข่งขันก็จะได้ซื้อของฝากติดมือกลับบ้านกันได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาลงมาอีกครั้ง และเนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยม ทำให้ราคาสินค้าสูงไปบ้าง

คำแนะนำสำหรับผู้จัด: งานวิ่งวันนี้ถือว่าจัดได้ดี และได้ถูกจัดเป็นงานวิ่งประเพณี ถึงแม้จะจัดขึ้นชนกับงานยักษ์ใหญ่ในกรุงเทพ แต่ก็พบว่านักวิ่งจากกรุงเทพจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจและไปร่วมวิ่งงานนี้ โดยเส้นทางการวิ่งที่ได้ใช้ในการแข่งขันถือว่าเป็นเส้นทางที่สวยงาม ท้าทายนักวิ่งและเป็นเอกลักษณ์ของงานวิ่งนี้ได้เป็นอย่างดี และการปิดถนนสำหรับนักวิ่งและความพร้อมระหว่างเส้นทางการแข่งขันถือว่าทำได้ดีมาก แต่มีบางสิ่งที่อยากจะแนะนำสำหรับงานนี้ เพื่อให้นักวิ่งได้ประทับใจและไปวิ่งอีกทุกครั้งไป งานนี้พบว่าเด็กอายุต่ำกว่า 17 ปีในพื้นที่จำนวนไม่ต่ำกว่าร้อยคนเข้าร่วมวิ่งในวันนี้โดยที่เด็กเหล่านี้น่าจะเป็นเด็กนักเรียนและไม่ได้มีผู้ปกครองมาด้วย แต่หลังจากวิ่ง 13.5 กิโลเข้าเส้นชัยไปแล้ว ไม่มีอาหารสำหรับเด็กและนักวิ่งเลย นอกจากน้ำเปล่า 1 ขวด มีแต่ร้านค้าที่ขายของสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งมีราคาแพงน่าดูเชียวแค่ขนมปังชิ้นนึงก็ปาเข้า 30 บาทแล้ว น้ำเย็นอีกแก้วก็อีก 20 บาท รวมแล้วก็ 50 บาทแล้ว วิ่งมาเหนื่อยๆขนมปัง 1 แผ่นกับน้ำ 1แก้วยังคงไม่พอบรรเทาอาการหิวและเหนื่อยได้แน่นอน อย่างน้อยก็น่าจะซัก 100 บาทพอจะบรรเทาไปได้บ้าง สำหรับนักวิ่งผู้ใหญ่ก็คงพอจะจ่ายได้ แต่สำหรับเด็กนับร้อยๆเหล่านั้นล่ะ ก็คงต้องเดินกลับลงไปอีก 13 กิโลพร้อมน้ำเปล่า 1 ขวดไปกินข้าวบ้าน ในครั้งต่อไปอยากให้ผู้จัดได้เตรียมอาหารไว้สำหรับนักกีฬาบ้าง โดยที่ค่าใช้จ่ายตรงจุดนั้นอาจจะเป็นการเก็บค่าสมัครนักวิ่งผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นมา ส่วนสำหรับนักเรียนและเยาวชนก็วิ่งฟรีเช่นนี้ต่อไป ผลสืบเนื่องจากข้อแรกที่บอกว่าต้องเดินลงอีก 13 กิโล เนื่องจากรถที่ให้บริการเที่ยวกลับแก่นักกีฬาไม่ได้แจ้งจุดรับส่งที่แน่นอนหรือมีสัญสักษณ์ติดให้รู้ว่าเป็นรถบริการฟรีสำหรับนักกีฬา เด็กในพื้นที่เคยเห็นว่าเป็นรถบริการที่เคยต้องจ่ายค่ารถก็ไม่กล้าขึ้น เดินลงดีกว่า ยิ่งกว่าลงวิ่งฮาล์ฟอีกนะคะไปกลับ 26 กิโล ในครั้งต่อๆไปอยากให้รถที่บริการนักกีฬา มีจุดรับส่งที่แน่นอน และมีป้ายผ้าติดให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นรถให้บริการสำหรับนักวิ่งและนักกีฬา เนื่องจากสถานที่การแข่งขันเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งท่องเที่ยว ดังนั้นการจัดตั้งถังขยะก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง การมีถังขยะถาวรจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การรักษาความสะอาดของสถานที่เป็นไปได้สะดวกมากยิ่งขึ้น และใช้ได้ตลอดไป และโดยเฉพาะบริเวณจุดปล่อยตัว หาถังขยะไม่ค่อยมี นักวิ่งก็เลยทิ้งไปทั่วเลย ข้างทาง ข้างถนน และทั่วๆไป หลังจากแข่งวิ่งเสร็จก็ลงไปร่วมปั่นจักรยานเห็นภาพสถานที่บริเวณจุดปล่อยตัวแล้วไม่งามเอาซะเลย มีแต่แก้วน้ำ ขยะเกลื่อนไปหมด เราเองก็มีขยะพยายามเดินหาถังขยะก็ไม่เจอก็เลยต้องยัดใส่กระเป๋าตัวเองไว้ก่อน หากแก้ไขตรงจุดนี้ได้ สถานที่แห่งนี้คงจะงดงามทุกเวลาที่ใครผ่านไปผ่านมาเวลาไหนก็งดงาม อย่าคิดว่าเป็นเพียงท่ารถจะขยะเยอะก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นก็เป็นส่วนของการท่องเที่ยว และเพื่อเป็นการส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อมตามวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ด้วย

เรื่องการแจกถ้วยรางวัล เนื่องจากอาจเป็นประเพณีที่ต้องรอแจกรางวัลให้นักกีฬาหลังจากที่กีฬาทุกประเภทแข่งขันเสร็จสิ้นลง แต่ว่ากีฬาแต่ละประเภทเริ่มการแข่งขันไม่พร้อมกัน ดังนั้นการเสร็จสิ้นย่อมไม่พร้อมกันแน่นอน ทำให้นักกีฬาบางประเภทที่เสร็จก่อนต้องรอกันนาน....... สำหรับนักวิ่งตื่นกันแต่เช้า เพื่อวิ่งกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า วิ่งเสร็จอาหารก็ไม่ได้มีเตรียมไว้ให้ แถมให้นั่งรอแจกถ้วยโดยที่ไม่มีเวลาแน่นอนเลยว่าจะแจกถ้วยเมื่อไหร่ นักกีฬาจะเที่ยวก็ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลังคอยรอเรียกรับรางวัล นักกีฬาบางท่านเดินทางมาไกล ก็ทำให้ต้องรีบเร่งในการเดินทางกลับเพื่อให้ทันไปทำงานในวันรุ่งขึ้น หากเป็นไปได้ในครั้งต่อๆไปก็อยากให้กีฬาประเภทใดที่จบการแข่งขันก่อนก็แจกรางวัลไปปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงตรงจุดนี้ได้ก็จะดีมากทีเดียว เรื่องนี้อาจไม่สำคัญเท่าใดนัก เรื่องห้องน้ำ 3 บาท นักวิ่งก็เข้าใจนะคะว่าวิ่งฟรีแล้วจ่ายค่าห้องน้ำ 3 บาทก็คงไม่เหลือบากฝ่าแรงไปสักเท่าใด แต่เวลานักวิ่งไปร่วมวิ่งก็ไม่อยากจะพกเหรียญไปวิ่ง เพราะชุดวิ่งก็ไม่ค่อยจะมีกระเป๋า เป็นไปได้หากเก็บค่าสมัครจากนักวิ่ง แล้วผู้จัดเอาไปเหมาจ่ายกับผู้ดูแลรักษาผลประโยชน์ตรงจุดนั้นก็จะเป็นการดี

สุดท้ายก็ขออภัยหากคำแนะนำเหล่านี้ทำให้ผู้จัดต้องลำบากใจ แต่ก็ในฐานะนักวิ่งคนหนึ่งซึ่งได้มีโอกาสไปสัมผัสกับบรรยากาศและเส้นทางการวิ่งมาแล้ว ดิฉันคิดว่าหากปรับปรุงในเรื่องดังกล่าวที่กล่าวมาข้างต้น งานวิ่งประเพณีขึ้นดอยตุง จะเป็นงานที่นักวิ่งทุกทิศทั่วไทยให้ความสนใจและไปร่วมวิ่งอีกแน่นอน หรือหากปรับเพิ่มระยะมาราธอนมาอีกซักระยะ คิดว่าเป็นสนามวิ่งที่เหมาะกับนักวิ่งที่ชอบความท้าทายแน่นอน วิ่งขึ้นดอยชมวิวและบรรยากาศทะเลหมอกยามเช้าแห่งเมืองเชียงราย สุดยอดไปเลยล่ะค่ะ