ชื่องาน: วิ่งงานเดือนสิบเมืองนครศรีธรรมราช
สถานที่ : ณ สนามหน้าเมือง จ.นครศรีธรรมราช
วันที่ : 24 กันยายน 2549
สรุปผลการประเมิน TRES: 78 คะแนน
เส้นทางการเดิน-วิ่ง: เส้นทางการแข่งขันของสนามนี้ ระยะทางหมื่นเมตร (10 กม.) วิ่งกันบนถนนเรียบลาดยางในตัวเมืองเมืองนครศรีธรรมราช เส้นทางแม้จะเป็นการวิ่งบนถนนในตัวเมืองแต่บรรยากาศบนในการแข่งขันต่างกับวิ่งในเมืองกรุงเป็นอย่างมาก อากาศสดชื่น ตามเส้นทางการแข่งขันมีโบราณสถานที่งดงามให้ได้ชื่นชมตลอดเส้นทาง สมกับเป็นเมืองประวัติศาสตร์ นอกจากนั้นการเตรียมการเพื่อความปลอดภัยของนักวิ่งดีมากทีเดียว การจราจรปิดสนิทให้นักวิ่งนับพันได้วิ่งกันอย่างปลอดภัย น้ำมีเพียงพอ มีป้ายบอกระยะทางที่ชัดเจน เป็นระยะ 10 กม.ที่มีคุณภาพมาก
คำแนะนำสำหรับนักวิ่ง: สำหรับสนามนี้เป็นสนามที่วิ่งไม่ยากเลย น่าวิ่ง นอกจากนั้นเหมาะจะเป็นสนามที่ใช้ประเมินฝีเท้าของตัวนักวิ่งได้เป็นอย่างดีในระยะ 10 กม. เพราะจะได้ปะทะฝีเท้านักวิ่งในรุ่นมากขึ้น เนื่องจากเป็นสนามที่นักวิ่งให้ความสนใจกันเยอะมากแม้จะมีเพียงแค่ระยะสั้นระยะเดียว แม้จะมีนักวิ่งมากผู้จัดใจดีเพิ่มรางวัลให้มากอันดับขึ้นด้วย นอกจากจะได้รู้ฝีเท้าว่าแย่แค่ไหนแต่ก็ยังมีโอกาสได้รับของรางวัลติดมือกลับบ้านเป็นที่ระลึกเหมือนกัน
คำแนะนำสำหรับผู้จัด: สำหรับสนามนี้ในด้านเส้นทางการแข่งขัน ด้านเทคนิคต่างๆถือว่าทำได้ดีมากทีเดียว แต่หากผู้จัดมีการประสัมพันธ์ให้มากขึ้นนักวิ่งน่าจะไปร่วมงานกันมากขึ้น เนื่องจากงานวิ่งเดือนสิบเมืองนครจัดในช่วงงานประเพณีเดือนสิบของจังหวัด หากมีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมและการแสดงในงานประเพณีเข้าไปด้วยจะเป็นการดียิ่งขึ้น นอกจากนักวิ่งจะได้ร่วมวิ่งออกกำลังกาย ก็ยังมีโอกาสชมบรรยากาศงานเดือนสิบ สัมผัสกับศิลปวัฒนธรรมของคนเมืองคอน
เมืองนครศรีธรรมราชเป็นเมืองที่งดงามน่าอยู่มาก จากที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันหลายๆสนามที่จัดขึ้นในจังหวัดนครศรีธรรมราชบอกได้ว่าเป็นจังหวัดที่ดูสะอาดตามาก แต่เมื่อมีการจัดวิ่งที่มีนักวิ่งร่วมงานกันอย่างคับคั่งเช่นนี้ ก็เป็นธรรมดาที่ขยะมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นอยากให้ผู้จัดไม่ใช่เพราะงานวิ่งเดือนสิบเท่านั้น น่าจะมีแนวทางที่ช่วยทำให้นักวิ่งได้ตระหนักถึงความสะอาดของสถานที่และเส้นทางการแข่งขันที่บางครั้งเป็นสถานที่ที่งดงาม ซึ่งจะช่วยให้คนภายนอกรู้สึกว่างานวิ่งเป็นงานที่สวยงาม ไม่ใช่เพียงแค่ตอบสนองนักวิ่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
25.9.49
18.9.49
ฉลองทรงครองราชย์ 60 ปี “สนุก” เสือภูเขา-วิ่งมาราธอน อนุสรณ์สถานฯ ภูพานน้อย ครั้งที่ 1
ฉลองทรงครองราชย์ 60 ปี “สนุก” เสือภูเขา-วิ่งมาราธอน อนุสรณ์สถานฯ ภูพานน้อย ครั้งที่ 1
ณ อนุสรณ์สถานฯ ภูพานน้อย ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม
วันที่ 17 กันยายน 2549
สรุปผลการประเมิน TRES: 61 คะแนน
เส้นทางการเดิน-วิ่ง: สำหรับสนามนี้มีการแข่งขันทั้งสิ้น 3 ระยะ 10 21 และ 42.195 เส้นทางการแข่งขันวิ่งไป-กลับบนไหล่ถนนทั้ง 3 ระยะ โดยสตาร์ทจากหน้าอนุสรณ์สถานฯ ภูพานน้อย วิ่งออกไปทางเมืองนครพนม ซึ่งในระยะมาราธอนจะผ่าน อ.นาแก และไปกลับตัวบริเวณหน้าตลาดนัดโค-กระบือ เส้นทางโดยส่วนใหญ่ก็เป็นทางเรียบลาดยาง ยกเว้นช่วง 1.5 กิโลแรก และ กิโลสุดท้าย ที่เป็นเนิน ขาไปก็วิ่งลงเนิน ส่วนเที่ยวกลับเข้าสู่เส้นชัยต้องวิ่งขึ้นเนิน บรรยากาศระหว่างเส้นทางการแข่งขันมีลักษณะใกล้เคียงกันกับ นครพนมมาราธอน ซึ่งปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 1 ต.ค. ไม่รู้ว่าโชคดีของนักวิ่งในงานนี้หรือเปล่า เพราะช่วงประมาณ กม. ที่ 16 ถึง ราวๆ 24 มีฝนตกลงมาอย่างหนัก นักวิ่งก็ชุ่มฉ่ำกันเกือบถ้วนหน้า ยกเว้นแนวหน้าไม่กี่ท่านที่เกือบจะไม่ได้สัมผัส แต่หากฝนไม่ตก บอกได้เลยว่าสนามนี้ต้องร้อนเอามากๆเพราะริมไหล่ถนนแทบไม่มีเงาไม้มากนัก สำหรับน้ำในเส้นทางการแข่งขัน ครั้งแรกผู้จัดประกาศว่ามีทุกๆ 5 กิโล นักวิ่งมาราธอนอย่างเราเศร้าเลย แต่โชคดีที่หน่วยงานในชุมชนมาคอยตั้งจุดให้น้ำ โดยรวมแล้วก็มีน้ำครบทุก 2.5 กิโล แม้ว่าเส้นทางการแข่งขันจะไม่ได้ปิดสนิท แต่ว่าก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและอพปร. ของชุมชนให้การดูแลนักวิ่งเป็นอย่างดี
คำแนะนำสำหรับผู้จัด: เนื่องจากการจัดการแข่งขันครั้งนี้เป็นการจัดขึ้นครั้งแรก นอกจากนั้นยังดูผู้จัดยังอ่อนประสพการ์ณค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงส่งผลให้การแข่งขันในครั้งนี้ไม่พร้อมเท่าที่ควร แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ได้เริ่มต้น และหวังว่าการประเมินผลในครั้งนี้จะเป็นแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงการจัดการแข่งขันในครั้งต่อๆไป ปกติการจัดวิ่งระยะมาราธอนก็เป็นเรื่องที่ยากพอสมควรอยู่ ถ้าไม่แน่จริงก็ไม่มีผู้จัดรายใดจัดวิ่งระยะนี้ ส่วนใหญ่ก็จัดเพียง 10 กม. หรือ 21 กม. เป็นต้น ดังนั้นการจัดวิ่งระยะมาราธอนผู้จัดต้องมีความพร้อมและศักยภาพพอสมควร และงานนี้นอกจากผู้จัดจะจัดวิ่งมาราธอน ยังมีการจัดแข่งขันเสือภูเขาในวันเดียวกันอีกด้วย การจัด 2 กิจกรรมในวันเดียวเรียกว่าผู้จัดต้องมีความพร้อมและทีมงานที่ดีมากๆ จากที่ได้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ประเด็นสำคัญที่อยากแนะนำให้ผู้จัดได้นำไปพิจารณาและปรับปรุง ประการแรก คือ การประชาสัมพันธ์เพื่อให้นักวิ่งได้รับทราบข้อมูล ข่าวสาร และรายละเอียดที่ชัดเจนของงาน โดยทั่วกัน ซึ่งรวมไปถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน การจัดการแข่งขัน เพื่อนักวิ่งจะได้ประเมินตนเองในการเข้าร่วมแข่งขัน และในการจัดวิ่งระยะมาราธอนผู้จัดควรประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อนักวิ่งจะได้เตรียมตัวและฝึกซ้อมสำหรับการลงแข่งขัน การประชาสัมพันธ์ก็มีหลายรูปแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับกิจกรรมเช่นนี้ นั่นคือ โบรชัวร์หรือแผ่นพับของงาน ซึ่งต้องแจกแจงรายละเอียดให้ชัดเจน เพราะโดยส่วนใหญ่นักวิ่งจะยึดเอาเอกสารนี้เป็นสำคัญ และเป็นการยืนยันว่าจะมีการจัดการแข่งขันขึ้นจริง
ประเด็นถัดมาคือ ระบบการรับสมัคร รายงานตัว และรับรางวัล ในการแข่งขันครั้งนี้จะเห็นว่า การรับสมัครวิ่ง รายงานตัว และรับรางวัล ยังไม่เป็นระบบเท่าที่ควร จะเห็นได้ว่าช่วงรับเงินรางวัล มีนักวิ่งบางท่านเวียนเทียนเข้ามารับเงินรางวัล ทำให้เป็นผลเสียกับผู้จัดเอง เนื่องจากในทุกสังคมย่อมมีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันอยู่ ในกลุ่มนักวิ่งก็เช่นกันใบหน้าหรือความเก่งกาจไม่ใช่เครื่องประการันตีว่าเค้าจะเป็นคนดีเสมอ
ประเด็นที่ 3 เรื่องความปลอดภัยของนักวิ่งบนเส้นทางการแข่งขัน ระหว่างการแข่งขันในระยะมาราธอนถือว่าเป็นระยะที่นักวิ่งเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายมากว่าระยะอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอันตรายจากภายนอกใยนเส้นทางการแข่งขัน และ อันตรายของระบบภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการขาดน้ำ ขาดน้ำตาล ขาดเกลือแร่ ความร้อน ตะคริว และอื่นๆ ดังนั้นรถพยายาลมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ควรมีรถพยาบาลเตรียมพร้อมอยู่ในเส้นทางการแข่งขันเสมอ ในการแข่งขันครั้งนี้ไม่มีเหตุการ์ณที่ร้ายแรงเกิดขึ้นอาจเนื่องมาจากจำนวนนักวิ่งที่มีน้อย และส่วนใหญ่เป็นนักวิ่งที่วิ่งมาราธอนกันประจำ ทำให้นักวิ่งรู้จักรักษาและระวังความปลอดภัยของตนเองได้ แต่หากเป็นนักวิ่งน้องใหม่ที่อยากลงมาราธอนความไม่พร้อมในเรื่องนี้ อาจทำให้เกิดผลเสียต่อการแข่งขันได้เช่นกัน
อีกประเด็นที่อยากฝากไว้ คือ เรื่องอาหารและเครื่องดื่มหลังจากการแข่งขัน ผู้จัดอาจมองข้ามไป แต่สำหรับนักวิ่งมาราธอนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่ง เพราะเนื่องจากหลังจากที่นักวิ่งเริ่มปล่อยตัวออกไป ตั้งแต่ 04.00 น. กว่าจะเข้าสู่เส้นชัย ใช้เวลาวิ่ง 3-6 ชม. ซึ่งระหว่างเส้นทางไม่ได้ทานอะไรเข้าไป นอกจากน้ำและเกลือแร่ ดังนั้นนักวิ่งเสียเหงื่อและพลังงานไปมากพอสมควร เข้าเส้นชัยค่อนข้างที่จะเหนื่อยพอสมควร โดยเฉพาะนักวิ่งระยะ 42 กิโล ดังนั้นนักวิ่งต้องการอาหารเพื่อเข้าไปทดแทนพลังงานที่สูญเสียไปบ้าง เล็กๆน้อยๆก็ยังดี
ยังมีอีกหลายประเด็นที่อยากแนะนำแต่กลัวผู้จัดเข้ามาอ่านแล้วจะเสียกำลังใจไปซะก่อน เอาข้อดีมาพูดให้ฟังเป็นกำลังใจให้ผู้จัดบ้าง ปีหน้าจะได้จัดอีกดีกว่า สิ่งที่ประทับใจสำหรับงานนี้ คงจะเป็น ความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของเจ้าหน้าที่ ประชาชน หน่วยงาน องค์กรในชุมชน และชุมชนใกล้เคียง ซึ่งจะเห็นได้ว่า การแข่งขันผู้จัดให้น้ำอย่างเป็นทางการ 3 จุด แต่อีกหลายๆจุดเป็นของหน่วยงาน อบต. หลายๆ อบต. ถือว่าเป็นการร่วมมือที่ช่วยให้งานนี้เป็นงานวิ่งที่น่าประทับใจเป็นอย่างมากประเด็นที่ 2 เรื่องที่พัก เนื่องจากบริเวณการจัดการแข่งขันมีโรงแรมที่พักที่ห่างออกไปพอสมควร นักวิ่งต่างถิ่นจากแดนไกล มาช่วงค่ำหาที่พักลำบาก ทางผู้จัดเตรียมที่พักฟรี กางเตนท์พร้อมเครื่องนอนฟรีแก่นักวิ่ง ถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้นักวิ่งได้เป็นอย่างดี ประเด็นที่ 3 ความตั้งใจจริงของผู้จัดที่จะสนับสนุนให้คนสนใจมาออกกำลังกายด้วยการจัดการแข่งขันทั้งวิ่ง และจักรยานเสือภูเขา หากผู้จัดยังคงยืนหยัดและตั้งใจจริงเช่นนี้ต่อไป และมีศักยภาพพอที่จะจัดทั้งมาราธอนและเสือภูเขา ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมากๆ นอกจากนั้นผู้จัดยังช่วยรณรงค์และส่งเสริมให้เยาวชนสนใจมาร่วมกิจกรรมมากขึ้น โดยสังเกตได้จากการแบ่งกลุ่มอายุการแข่งขัน ถือว่าเป็นการกระตุ้นและให้โอกาสกับเยาวชนมากยิ่งขึ้น แต่อาจจะด้วยความมือใหม่ทำให้ถ้วยและรางวัลการแข่งขันในบางรุ่นไม่ได้ถูกแจกออกไป ก็เป็นที่น่าเสียดาย และสุดท้าย การจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนในครั้งนี้ ผู้ประเมินไม่ได้มีอคติต่อผู้จัดแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการให้ผลการประเมินในครั้งนี้ได้ถูกนำไปพัฒนาและปรับปรุงการแข่งขันในครั้งต่อๆไปให้ดีขึ้นเพื่อประโยชน์ต่อผู้จัดและจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อสังคม และหากผู้จัดยังไม่ตัดใจซะก่อนก็ขอเป็นกำลังใจให้ และยินดีไปร่วมการแข่งขันครั้งที่ 2 แน่นอน...
คำแนะนำสำหรับนักวิ่ง:
สำหรับสนามนี้เป็นสนามมาราธอนที่วิ่งไม่ยากมากนัก แต่สิ่งที่นักวิ่งต้องเตรียมตัวรับมือนั่นก็คือแสงแดดและความร้อน แม้อากาศจะไม่ร้อนเหมือนสนามไอเอ็นจี หรือสงกรานต์มาราธอน แต่เส้นทางที่วิ่งตามไหล่ถนนไม่ค่อยมีเงาไม้ให้หลบนะจ๊ะ
ณ อนุสรณ์สถานฯ ภูพานน้อย ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม
วันที่ 17 กันยายน 2549
สรุปผลการประเมิน TRES: 61 คะแนน
เส้นทางการเดิน-วิ่ง: สำหรับสนามนี้มีการแข่งขันทั้งสิ้น 3 ระยะ 10 21 และ 42.195 เส้นทางการแข่งขันวิ่งไป-กลับบนไหล่ถนนทั้ง 3 ระยะ โดยสตาร์ทจากหน้าอนุสรณ์สถานฯ ภูพานน้อย วิ่งออกไปทางเมืองนครพนม ซึ่งในระยะมาราธอนจะผ่าน อ.นาแก และไปกลับตัวบริเวณหน้าตลาดนัดโค-กระบือ เส้นทางโดยส่วนใหญ่ก็เป็นทางเรียบลาดยาง ยกเว้นช่วง 1.5 กิโลแรก และ กิโลสุดท้าย ที่เป็นเนิน ขาไปก็วิ่งลงเนิน ส่วนเที่ยวกลับเข้าสู่เส้นชัยต้องวิ่งขึ้นเนิน บรรยากาศระหว่างเส้นทางการแข่งขันมีลักษณะใกล้เคียงกันกับ นครพนมมาราธอน ซึ่งปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 1 ต.ค. ไม่รู้ว่าโชคดีของนักวิ่งในงานนี้หรือเปล่า เพราะช่วงประมาณ กม. ที่ 16 ถึง ราวๆ 24 มีฝนตกลงมาอย่างหนัก นักวิ่งก็ชุ่มฉ่ำกันเกือบถ้วนหน้า ยกเว้นแนวหน้าไม่กี่ท่านที่เกือบจะไม่ได้สัมผัส แต่หากฝนไม่ตก บอกได้เลยว่าสนามนี้ต้องร้อนเอามากๆเพราะริมไหล่ถนนแทบไม่มีเงาไม้มากนัก สำหรับน้ำในเส้นทางการแข่งขัน ครั้งแรกผู้จัดประกาศว่ามีทุกๆ 5 กิโล นักวิ่งมาราธอนอย่างเราเศร้าเลย แต่โชคดีที่หน่วยงานในชุมชนมาคอยตั้งจุดให้น้ำ โดยรวมแล้วก็มีน้ำครบทุก 2.5 กิโล แม้ว่าเส้นทางการแข่งขันจะไม่ได้ปิดสนิท แต่ว่าก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและอพปร. ของชุมชนให้การดูแลนักวิ่งเป็นอย่างดี
คำแนะนำสำหรับผู้จัด: เนื่องจากการจัดการแข่งขันครั้งนี้เป็นการจัดขึ้นครั้งแรก นอกจากนั้นยังดูผู้จัดยังอ่อนประสพการ์ณค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงส่งผลให้การแข่งขันในครั้งนี้ไม่พร้อมเท่าที่ควร แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ได้เริ่มต้น และหวังว่าการประเมินผลในครั้งนี้จะเป็นแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงการจัดการแข่งขันในครั้งต่อๆไป ปกติการจัดวิ่งระยะมาราธอนก็เป็นเรื่องที่ยากพอสมควรอยู่ ถ้าไม่แน่จริงก็ไม่มีผู้จัดรายใดจัดวิ่งระยะนี้ ส่วนใหญ่ก็จัดเพียง 10 กม. หรือ 21 กม. เป็นต้น ดังนั้นการจัดวิ่งระยะมาราธอนผู้จัดต้องมีความพร้อมและศักยภาพพอสมควร และงานนี้นอกจากผู้จัดจะจัดวิ่งมาราธอน ยังมีการจัดแข่งขันเสือภูเขาในวันเดียวกันอีกด้วย การจัด 2 กิจกรรมในวันเดียวเรียกว่าผู้จัดต้องมีความพร้อมและทีมงานที่ดีมากๆ จากที่ได้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ประเด็นสำคัญที่อยากแนะนำให้ผู้จัดได้นำไปพิจารณาและปรับปรุง ประการแรก คือ การประชาสัมพันธ์เพื่อให้นักวิ่งได้รับทราบข้อมูล ข่าวสาร และรายละเอียดที่ชัดเจนของงาน โดยทั่วกัน ซึ่งรวมไปถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน การจัดการแข่งขัน เพื่อนักวิ่งจะได้ประเมินตนเองในการเข้าร่วมแข่งขัน และในการจัดวิ่งระยะมาราธอนผู้จัดควรประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อนักวิ่งจะได้เตรียมตัวและฝึกซ้อมสำหรับการลงแข่งขัน การประชาสัมพันธ์ก็มีหลายรูปแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับกิจกรรมเช่นนี้ นั่นคือ โบรชัวร์หรือแผ่นพับของงาน ซึ่งต้องแจกแจงรายละเอียดให้ชัดเจน เพราะโดยส่วนใหญ่นักวิ่งจะยึดเอาเอกสารนี้เป็นสำคัญ และเป็นการยืนยันว่าจะมีการจัดการแข่งขันขึ้นจริง
ประเด็นถัดมาคือ ระบบการรับสมัคร รายงานตัว และรับรางวัล ในการแข่งขันครั้งนี้จะเห็นว่า การรับสมัครวิ่ง รายงานตัว และรับรางวัล ยังไม่เป็นระบบเท่าที่ควร จะเห็นได้ว่าช่วงรับเงินรางวัล มีนักวิ่งบางท่านเวียนเทียนเข้ามารับเงินรางวัล ทำให้เป็นผลเสียกับผู้จัดเอง เนื่องจากในทุกสังคมย่อมมีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันอยู่ ในกลุ่มนักวิ่งก็เช่นกันใบหน้าหรือความเก่งกาจไม่ใช่เครื่องประการันตีว่าเค้าจะเป็นคนดีเสมอ
ประเด็นที่ 3 เรื่องความปลอดภัยของนักวิ่งบนเส้นทางการแข่งขัน ระหว่างการแข่งขันในระยะมาราธอนถือว่าเป็นระยะที่นักวิ่งเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายมากว่าระยะอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอันตรายจากภายนอกใยนเส้นทางการแข่งขัน และ อันตรายของระบบภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการขาดน้ำ ขาดน้ำตาล ขาดเกลือแร่ ความร้อน ตะคริว และอื่นๆ ดังนั้นรถพยายาลมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ควรมีรถพยาบาลเตรียมพร้อมอยู่ในเส้นทางการแข่งขันเสมอ ในการแข่งขันครั้งนี้ไม่มีเหตุการ์ณที่ร้ายแรงเกิดขึ้นอาจเนื่องมาจากจำนวนนักวิ่งที่มีน้อย และส่วนใหญ่เป็นนักวิ่งที่วิ่งมาราธอนกันประจำ ทำให้นักวิ่งรู้จักรักษาและระวังความปลอดภัยของตนเองได้ แต่หากเป็นนักวิ่งน้องใหม่ที่อยากลงมาราธอนความไม่พร้อมในเรื่องนี้ อาจทำให้เกิดผลเสียต่อการแข่งขันได้เช่นกัน
อีกประเด็นที่อยากฝากไว้ คือ เรื่องอาหารและเครื่องดื่มหลังจากการแข่งขัน ผู้จัดอาจมองข้ามไป แต่สำหรับนักวิ่งมาราธอนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่ง เพราะเนื่องจากหลังจากที่นักวิ่งเริ่มปล่อยตัวออกไป ตั้งแต่ 04.00 น. กว่าจะเข้าสู่เส้นชัย ใช้เวลาวิ่ง 3-6 ชม. ซึ่งระหว่างเส้นทางไม่ได้ทานอะไรเข้าไป นอกจากน้ำและเกลือแร่ ดังนั้นนักวิ่งเสียเหงื่อและพลังงานไปมากพอสมควร เข้าเส้นชัยค่อนข้างที่จะเหนื่อยพอสมควร โดยเฉพาะนักวิ่งระยะ 42 กิโล ดังนั้นนักวิ่งต้องการอาหารเพื่อเข้าไปทดแทนพลังงานที่สูญเสียไปบ้าง เล็กๆน้อยๆก็ยังดี
ยังมีอีกหลายประเด็นที่อยากแนะนำแต่กลัวผู้จัดเข้ามาอ่านแล้วจะเสียกำลังใจไปซะก่อน เอาข้อดีมาพูดให้ฟังเป็นกำลังใจให้ผู้จัดบ้าง ปีหน้าจะได้จัดอีกดีกว่า สิ่งที่ประทับใจสำหรับงานนี้ คงจะเป็น ความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของเจ้าหน้าที่ ประชาชน หน่วยงาน องค์กรในชุมชน และชุมชนใกล้เคียง ซึ่งจะเห็นได้ว่า การแข่งขันผู้จัดให้น้ำอย่างเป็นทางการ 3 จุด แต่อีกหลายๆจุดเป็นของหน่วยงาน อบต. หลายๆ อบต. ถือว่าเป็นการร่วมมือที่ช่วยให้งานนี้เป็นงานวิ่งที่น่าประทับใจเป็นอย่างมากประเด็นที่ 2 เรื่องที่พัก เนื่องจากบริเวณการจัดการแข่งขันมีโรงแรมที่พักที่ห่างออกไปพอสมควร นักวิ่งต่างถิ่นจากแดนไกล มาช่วงค่ำหาที่พักลำบาก ทางผู้จัดเตรียมที่พักฟรี กางเตนท์พร้อมเครื่องนอนฟรีแก่นักวิ่ง ถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้นักวิ่งได้เป็นอย่างดี ประเด็นที่ 3 ความตั้งใจจริงของผู้จัดที่จะสนับสนุนให้คนสนใจมาออกกำลังกายด้วยการจัดการแข่งขันทั้งวิ่ง และจักรยานเสือภูเขา หากผู้จัดยังคงยืนหยัดและตั้งใจจริงเช่นนี้ต่อไป และมีศักยภาพพอที่จะจัดทั้งมาราธอนและเสือภูเขา ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมากๆ นอกจากนั้นผู้จัดยังช่วยรณรงค์และส่งเสริมให้เยาวชนสนใจมาร่วมกิจกรรมมากขึ้น โดยสังเกตได้จากการแบ่งกลุ่มอายุการแข่งขัน ถือว่าเป็นการกระตุ้นและให้โอกาสกับเยาวชนมากยิ่งขึ้น แต่อาจจะด้วยความมือใหม่ทำให้ถ้วยและรางวัลการแข่งขันในบางรุ่นไม่ได้ถูกแจกออกไป ก็เป็นที่น่าเสียดาย และสุดท้าย การจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนในครั้งนี้ ผู้ประเมินไม่ได้มีอคติต่อผู้จัดแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการให้ผลการประเมินในครั้งนี้ได้ถูกนำไปพัฒนาและปรับปรุงการแข่งขันในครั้งต่อๆไปให้ดีขึ้นเพื่อประโยชน์ต่อผู้จัดและจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อสังคม และหากผู้จัดยังไม่ตัดใจซะก่อนก็ขอเป็นกำลังใจให้ และยินดีไปร่วมการแข่งขันครั้งที่ 2 แน่นอน...
คำแนะนำสำหรับนักวิ่ง:
สำหรับสนามนี้เป็นสนามมาราธอนที่วิ่งไม่ยากมากนัก แต่สิ่งที่นักวิ่งต้องเตรียมตัวรับมือนั่นก็คือแสงแดดและความร้อน แม้อากาศจะไม่ร้อนเหมือนสนามไอเอ็นจี หรือสงกรานต์มาราธอน แต่เส้นทางที่วิ่งตามไหล่ถนนไม่ค่อยมีเงาไม้ให้หลบนะจ๊ะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)