27.2.51

ย้อนอดีต...สมัยเรียนประถมศึกษา

ย้อนอดีต... สมัยเรียนประถมศึกษา ตอนเย็นๆหลังเลิกเรียน นักเรียนมายืนเข้าแถวก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน เราเป็นตัวแทนนำกล่าวคำปฏิญาณ เพราะเป็นคนเสียงดัง ไม่ต้องมีไมโครโฟนก็ได้ยินกันทั่วโรงเรียน

นักเรียนทุกคนจงกล่าวตามข้าพเจ้า... "พวกเราเป็นไทย อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะเรามีชาติ มีศาสนา มีพระมหากษัตริย์ ซึ่งบรรพบุรุษของเรา เอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิต และความลำบากยากเข็ญเข้าแลกไว้ เราต้องสละชีพเพื่อชาติ เราต้องบำรุงศาสนา เราต้องรักษาพระมหากษัตริย์ เรานักเรียน จะต้องประพฤติตน ให้อยู่ในระเบียบวินัยของโรงเรียน มีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง และผู้อื่น เรานักเรียน จะต้องไม่ประพฤติตน ให้เป็นที่เดือดร้อน แก่ตนเอง และผู้อื่น"
จากนั้นก็อ่านพระบรมราโชวาทให้เพื่อนนักเรียนฟังอีก 1 บท แต่ละวันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มีบทหนึ่งที่จำได้ขึ้นใจเพราะถ้าวันไหนลืมไม่ได้เอาโพยมาก็ท่องบทนี้แหละ "ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดีไม่มีใครทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อยจึงมีใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมืองและควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ " พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ (เมื่อวันที่ 11ธันวาคม2542ในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 5 ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี)

จากนั้น ก็จบลงด้วย เพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน...

คำปฏิญาณ และพระบรมราโชวาทที่เราเคยท่องก่อนกลับบ้านทุกวัน มันติดอยู่ในใจของข้าพเจ้าเสมอนับจวบจนทุกวันนี้ มันคอยเตือนสติเราเสมอ แล้วจะมีใครยังจำมันได้บ้างมั้ย

12.2.51

การลดช่องว่างระหว่าง คนจน คนรวย เป็นอีกแนวทางที่สำคัญ

เพื่อที่จะพัฒนาประเทศ การลดช่องว่างระหว่างคนจน – คนรวย เป็นอีกแนวทางที่สำคัญ และแนวทางในการลดช่องว่างระหว่างคนจน-คนรวย “กฎหมาย” และ “การศึกษา”

“กฎหมาย” ที่คอยควบคุมคนรวยไม่ให้มีหรือใช้อำนาจในการเอารัดเอาเปรียบ หรือหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ และ

“การศึกษา” ที่จะช่วยทำให้ สังคมหรือคนจนได้เรียนรู้และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น



แต่ ณ ขณะนี้ คนรวยทำตัวอยู่เหนืออำนาจกฎหมาย การศึกษาคุณภาพต่ำ เรียนจบออกมาก็ยังไม่รู้จักคิด ไม่รู้จะคิดอะไร วิเคราะห์ก็ไม่เป็น...

4.2.51

แนะนำบ้าน...นักวิ่ง

1) พลโท ธงชัย ตระสินธุ์ ผู้ชำนาญการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก 357ประธานชมรมวิ่งแข่งขันสวนน้ำบุ่งตาหลั่ว นครราชสีมา ประธานและกรรมการสมาพันธ์ชมรมวิ่งเพื่อสุขภาพไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ http://moosing.exteen.com/ และ http://moosing.spaces.live.com/ ใครเลยจะคิดว่านักวิ่งอาวุโสอย่างท่านนี้จะมีบ้านไอทีเป็นของตัวเอง แวะไปเยี่ยมบ้านท่านเสียก่อน แล้วคุณจะติดใจ เพราะบ้านของท่านเป็นรวมเรื่องราว และทิปน่ารู้สำหรับนักวิ่งไว้มากมายเลยทีเดียว อย่าพลาด... บ้านหลังนี้เชียว

2) บ้าน คนชอบวิ่ง (นพ.สุธี ฮั่นตระกูล) คุณหมออีกท่าน ที่ชื่นชอบการวิ่ง http://gotoknow.org/profile/shantrakul
และนานาสาระที่เป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่ง http://gotoknow.org/blog/jogging

3) บ้านคุณหมอ นพ.สมนึก ตปนียวรวงศ์ (JFK) นอกจากจะเป็นคุณหมอ ยังมีงานอดิเรกต่างๆที่น่าสนใจมากมาย รวมทั้ง " วิ่ง " ด้วยเช่นกัน บ้านคุณหมอ http://www.2jfk.com/

4) บ้าน นายวิมุติ วสะหลาย หนุ่มนักดาราศาสตร์ และงานอดิเรกดูดาว ส่องนก http://www.naiwimut.org/ หลังนี้เป็นเรื่องราวเบื้องลึกส่วนตัวของเขาเองส่วนอีกหลัง ใหญ่ไม่แพ้บ้านแรก http://www.verdantplanet.org/ ชื่อบ้าน "โลกสีเขียว" เป็นแหล่งรวมนานาสารพัดสัตว์ ที่หลายๆคนอาจไม่เคยได้เห็นหรือรู้จักมาก่อนลองแวะไปดู ไปชม กันได้ ค่าเข้าชมฟรี...

5) บ้านคุณราเชน สามหล้า (ชินจัง) นักวิ่งสังกัดชมรมไทยมาราธอนนอกจากจะเป็นนักวิ่ง ยังใช้เวลาว่างส่วนใหญ่อ่านหนังสือบ้านเล็กของนักวิ่งท่านนี้ จึงมีเรื่องราวต่างๆมากมายที่เกี่ยวกับหนังสือเล่าสู่กันฟัง http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=rsamlha (http://www.rsamlha.bloggang.com/)

6) บ้าน นายโคโกโร่ http://kogoro9.multiply.com/ เป็นบ้านหลังเล็กบันทึกเรื่องราวส่วนตัวที่กล้าเปิดเผยและความทรงจำบนสนามวิ่งต่างๆ แวะไปอ่านกันได้นะครับ

7) บ้าน คุณเจียระนัย แสงอุทัย- เจอรี่ สังกัดไทยมาราธอน และชมรมวิ่งระยองเป็นนักวิ่งสาวที่มีบ้านเป็นของตัวเองเหมือนกัน และ ไม่ใช่แค่หลังเดียวเท่านั้นนะhttp://jerryjane.multiply.com/ อีกหลัง http://jerrysang.spaces.live.com/ ลองแวะไปเยี่ยม และ ทักทายพูดคุยกับเธอได้

8) บ้านนักวิ่งสาวอีกหลัง ที่มีนามว่า ป้าสมใจ นักวิ่งไทยในต่างแดน อยากรู้ว่า ป้าสมใจ เป็นใคร ต้องแวะไปชม http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=thanatorn (http://www.thanatorn.bloggang.com/)

ไอทีโซน-''ชิพเวลา''กันนักวิ่งมาราธอนโกง

โดย คม ชัด ลึก วัน จันทร์ ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 02:18 น.

การแข่งขันวิ่งมาราธอนนอกจากต้องมีนักกีฬาและกรรมการแล้ว ยังต้องมีเครื่องจับเวลาที่ใช้กับกีฬาประเภทนี้โดยเฉพาะ ซึ่งที่ผ่านมาต้องพึ่งพาเทคโนโลยีนำเข้า นักศึกษาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ม.ขอนแก่น จึงพัฒนาชิพจับเวลาติดบนเสื้อ ช่วยให้ตัดสินแพ้-ชนะได้อย่างโปร่งใส

นายกรวิษณ์จั่นทอง นักศึกษาปี 4 ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) กล่าวว่า ชิพจับเวลาดังกล่าวเป็นชิพอาร์เอฟไอดี ออกแบบให้มีลักษณะคล้ายป้ายชื่อ แต่หุ้มซิลิโคนเพื่อป้องกันน้ำ หรือเหงื่อ ส่วนวิธีใช้งานก็เพียงกลัดไว้บนเสื้อ หรือกางเกงของนักกีฬา แต่ในอนาคตจะออกแบบเป็นสายรัดข้อมือ เอาใจนักกีฬาที่ชอบถอดเสื้อวิ่ง

จากการทดลองใช้งานป้ายจับเวลาในนักวิ่ง50 คน โดยแบ่งเป็น 5 แถวหน้ากระดาน แถวละ 10 คน และให้ออกวิ่งจำลองเหตุการณ์ พบว่า ป้ายอ่านเวลาสามารถอ่านข้อมูลได้ 46 คน หรือคิดเป็นค่าความคลาดเคลื่อน 8% นอกจากตัวชิพอาร์เอฟไอดีที่อยู่ในรูปป้ายชื่อแล้วที่จุดสตาร์ท จุดเช็กพ้อยช์และเส้นชัย จะต้องติดตั้งเครื่องอ่านสัญญาณและเสาอากาศ ซึ่งทำหน้าที่ส่งคลื่นสัญญาณวิทยุความถี่สูง โดยเครื่องอ่านจะอ่านรหัสนักวิ่งจากป้ายและบันทึกข้อมูลเวลาที่นักวิ่งผ่าน ณ จุดนั้น แล้วส่งไปยังชุดคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะประมวลผลว่านักวิ่งหมายเลขนั้นออกสตาร์ทเวลาเท่าไร ไปถึงจุดเช็กพ้อยช์และเข้าเส้นชัยในเวลาเท่าไร
ระบบจับเวลาจะช่วยป้องกันการโกงขณะแข่งขันสำหรับผู้ที่ไม่ยอมวิ่งไปยังจุดที่กรรมการกำหนด โดยข้อมูลจะฟ้องผ่านเครื่องอ่าน ทำให้ทราบว่าผู้แข่งขันผ่านจุดนั้นๆ มาแล้วหรือไม่ หรือวิ่งออกนอกเส้นทางเพื่อให้ถึงเส้นชัยเร็วขึ้น เป็นต้น นายกรวิษณ์ กล่าว

นายพันธาวุฒิ ภูครองจิต เพื่อนร่วมทีมพัฒนากล่าวว่า เครื่องจับเวลาของกีฬาวิ่งมาราธอนดังกล่าวใช้ทุนวิจัยประมาณ 7.5 แสนบาท ในการจัดซื้อเครื่องอ่าน 3 เครื่อง เสาอากาศ 20 เสา และป้ายอัจฉริยะ 1 หมื่นชิ้น ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมีผศ.ดร.ดารณี หอมดี อาจารย์ประจำภาควิชา เป็นที่ปรึกษาโครงการวิจัย คาดว่าประมาณปี 2553 จะเป็นสินค้าออกสู่ตลาดได้


คำถามของผม:
ชิพจะกันนักวิ่งโกงได้จริงหรือ
และคาดว่าประมาณปี 2553 จะมีชิพจับเวลาโดยฝีมือคนไทยผลิตออกสู่ตลาด โดย มข.
แล้วสถาบันอื่นหายไปไหนเสียล่ะ รพ.สิชล, มอ., มทร ฯลฯ