9.3.63
7.12.62
12.2.53
อะไร คือ ความดี คนดี สิ่งที่ดี หรือสิ่งที่ดีที่ควรกระทำ...
ขยัน มานะ อดทน - ขี้เกียจ
อดออม ประหยัด - สุรุ่ย สุร่าย
ตรงต่อเวลา - มาสาย ผิดนัด
ซื่อสัตย์ สุจริต - ทุจริต คดโกง
พูดความจริง - โกหก หลอกลวง
ใจดี มีเมตตา ช่วยเหลือผู้อื่น - ใจร้าย รังแกคนที่อ่อนแอกว่า
เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ - แล้งน้ำใจ เห็นแก่ตัว
พูดจาไพเราะ สุภาพ - หยาบคาย
มีความรับผิดชอบ - ขาดความรับผิดชอบ จับจด
ยินดี สรรเสริญ ด้วยความจริงใจ - อิจฉา ริษยา
เก่ง ฉลาด - โง่
ไม่รู้ว่าทัศนคติคนยุคนี้เป็นแบบไหนแล้ว แล้วคุณล่ะจะเลือกแบบไหน
จะสอนลูกหลานว่าอะไรควรกระทำ ไม่ควรกระทำ?
ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม กับ มนุษย์
ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม กับ มนุษย์
มนุษย์ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อความอยู่รอด
และตอบสนองความต้องการที่จะดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
เมื่อใช้ทรัพยากรแล้ว ก็ส่งให้เกิดผลกับ สิ่งแวดล้อมตามมา
จะใช้ทรัพยากรอย่างไรให้สมดุล กับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ตามมา
เป็นกฏเกณฑ์ตามธรรมชาติ ที่ทุกสิ่งอย่างไม่ได้มีด้านดีเพียงอย่างเดียว
ดังนั้น เมื่อเราได้ประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
ผลสะท้อนออกมาต่อสิ่งแวดล้อม ย่อมไม่ดีแน่นอน
สิ่งที่ควรคำนึงในการใช้ทรัพยากร
๑. ใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า ใช้อย่างชาญฉลาด เพื่อไม่ให้สูญเสียทรัพยากรโดยไร้ค่า ใช้ทรัพยากรอย่างคนฉลาด วางแผนการใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดทั้งมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม
๒. คำนึงถึงประโยชน์ที่ได้รับ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น คุ้มค่ากันหรือไม่
๓. ใช้ทรัพยากรไปแล้ว เพื่อความอยู่รอดของเราและให้คิดถึงไปว่าเพื่อความอยู่รอดของรุ่นลูกรุ่นหลานเราด้วย ไม่ใช่เรารอด แต่ลูกหลานเราไม่เหลืออะไรให้ใช้ และก็สูญพันธ์ไป
๔. ทรัพยากรธรรมชาติโดยส่วนใหญ่ ไม่มีเจ้าของ ถือว่าเป็นทรัพย์สินสาธารณะ ดังนั้นการใช้ทรัพยากรควรใช้ ด้วยความรับผิดชอบ ช่วยกันเป็นเจ้าของ นอกจากจะใช้ ก็ต้องมีการดูแลรักษา ฟื้นฟู ด้วยเช่นกัน
๕. ใช้ทรัพยากร อย่างเป็นคนดี เอื้อเฟื้อ แบ่งปันกันใช้ ไม่ละโมบ ไม่โลภมากไม่เห็นแก่ตัว ไม่มูมมาม
๖. ทรัพยากรไม่ใช่ สิ่งที่ถูกสร้างมาเพื่อตอบสนองความสะดวกสบาย แต่เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้ชีวิตให้อยู่รอด
๗. ทรัพยากรนอกจากจะนำมาใช้ประโยชน์ทางตรง ก็ยังสามารถใช้ประโยชน์ทางอ้อมได้ด้วย อาทิ ใช้เพื่อความบันเทิง นันทนาการ ให้ความรู้ เป็นต้น
มองมุมกลับ... มองกลับมุม
แต่ก่อนเมื่อผมมีโอกาสผมมักจะมองว่า บ้านเมืองเค้ามีอะไรบ้างนะ เป็นยังไง ต่างจากบ้านเราตรงไหน
อะไรที่ดีๆก็เก็บเอามาคิดว่า มันน่าจะใช้พัฒนาบ้านเมืองเรา
แต่ ณ ตอนนี้ ผมออกมาข้างนอกอีกครั้ง แล้วมองย้อนน.. กลับไป
ในเวลาที่เราอยู่ข้างนอก มันอาจทำให้เราเห็นประเทศไทย ได้ละเอียดมากขึ้นก็ได้
เมื่อเราก้าวออกมาข้างนอก เราพยายามที่จะมองสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยผ่านพบมาก่อน
ตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยเห็น ไอ้นี่บ้านเราไม่มี ไอ้โน่นบ้านเราไม่มี
ไอ้นีบ้านเรามีแต่มันแปลกเนอะไม่เหมือนบ้านเรา บ้านเราน่าจะมีอย่างนี้บ้าง มีอย่างโน้นบ้าง
บ้านเราน่าจะเป็นอย่างนี้บ้าง น่าจะเป็นอย่างโน้นบ้าง
แต่แล้วรู้หรือไม่ว่าทำไมบ้านเราถึงไม่เป็นแบบนี้ ถึงไม่มีแบบนั้น
เรารู้จักตัวเองกันดีพอหรือยัง????
แต่ก่อนผมก็ได้แต่มองคนไทยในบางมุม ทุกวันนี้ก็ยังมองในบางมุมอยู่ดี
แต่ผมพยายามที่จะมองมุมกลับ มองกลับมุมบ้าง เผื่อจะรู้จักและเข้าใจคนไทยมากขึ้น
อย่าเอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐานให้กับตัวเอง
บางคนใช้ อายุ เป็นบรรทัดฐาน ยอมใครไม่ได้ ฟังใครไม่เป็น
เพราะคิดว่าตนเองอาวุโส
บางคนใช้ วุฒิการศึกษา เป็นบรรทัดฐาน ฟังใครไม่เป็น ยอมใครไม่ได้
เพราะคิดว่าตนเองมีการศึกษา
แต่ก็นั่นแหละ อายุและการศึกษา ก็ไม่ได้ทำให้ทุกคน เก่ง ฉลาด เป็นคนดีได้เหมือนกันหมดทุกคน
คนที่ได้รับการศึกษามาระดับหนึ่งก็ใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่องไปเสียเมื่อไหร่
และก็ไม่มีใครหรอกที่จะรู้ไปเสียทุกเรื่อง
จากอดีต... สู่ปัจจุบัน 2552
แต่ก่อนต้องหิ้วกระเป๋า หิ้วปิ่นโตไปโรงเรียน เดินลัดเลาะคันนา หรือไม่ก็ถนนลูกรัง ดินแดงไปโรงเรียน
พอหน้าฝนก็ตั้งนั่งเรือไป เพราะน้ำท่วม เดินกันลำบาก
หน้าแล้ง ก็เดินลัด บ่อบัวชาวบ้านเค้า เพราะน้ำแห้งจนดินแตกระแหง
วันนี้... ไม่มีแล้ว เด็กๆนั่งรถโรงเรียน ไม่ต้องลำบาก
ลองให้เด็กสมัยนี้มาเดิน ไม่กี่เมตรก็หอบแฮ่กๆแล้ว
คนหันมาใช้รถยนต์กันมากขึ้น ถนนเมืองไทยเต็มไปด้วยรถยนต์
ถนนไม่ได้ถูกจัดสรรปันส่วนไว้เพื่อ คนเดินเท้า หรือจักรยานบ้างเลย
ซึ่งต่างจากประเทศที่พัฒนาแล้ว การคมนาคมขนส่งสาธารณะถือเป็นสิ่งสำคัญ
ที่จะลดการใช้รถยนตต์ส่วนตัว
หากย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะบอกทุกๆคนให้ช่วยกันอนุรักษ์และ
ดำรงชีวิตด้วยวิถีดั้งเดิมที่เคยเป็นมา แม้มันจะไม่ทันสมัยก็ตามที
คนเราควรค้นหาตัวเองให้เจอ และรักษาความเป็นเอกลักษณ์ (Uniqueness)
ความแตกต่าง (Diversity) เพราะสิงเหล่านี้แหละที่ทำให้เรามีคุณค่า ไม่ต้องเลียนแบบใคร
โครงการ "เมืองไทยน่าอยู่" ตอนที่ ๑
พอย้อนมามองเมืองไทย ผมบอกได้เลยการที่ได้เกิดในเมืองไทยเป็นโชคดีมากที่สุดแล้ว เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ทั้งพื้นดินและพื้นน้ำ แต่ทำไมประเทศไทยจึงเป็นประเทศที่บางครั้งถูกมองข้ามหรือดูแคลน(ในความรู้สึกของผม) สาเหตุหลักก็มาจากคนไทยเองนี่แหละ คนไทยเองยังไม่ภูมิใจในความเป็นไทยแล้วจะให้ใครมาภูมิใจ คนไทยนิยมของนอก เห่อของฝรั่งต่างชาติ ร้องเท้า เสื้อผ้า กระเป๋าแบรนเนมจากนอก ความสุขของคนไทยยึดติดกับวัตถุมากขึ้นทุกวันๆ นอกจากนั้นผมยังมองว่าคนไทยติดนิสัย ทำอะไรได้ตามใจคือไทยแท้ ทำให้เราอยากทำอะไรก็ได้ตามใจกรู โดยที่ไม่สนใจคนรอบข้างว่าจะเป็นยังไง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมือง) นอกจากจะทำอะไรตามใจ บางครั้งไม่ยอมรับฟังความเห็นคนอื่นหรือว่าฟังๆไปอย่างนั้นเอง หรือบางทีอาจจะพูดได้ว่าคนไทยขาดทักษะในการฟัง การสื่อสาร (อันนี้ก็รวมถึงตัวผมเองด้วย แต่ก่อนผมก็ว่าผมเป็นคนพูดน้อย ฟังมากแล้วนะ พอมาเรียนรู้ชีวิตคนญี่ปุ่น มันทำให้ผมรู้ว่าปัญหาของผม ปัญหาของคนไทยมากยิ่งขึ้น)
หากคนไทยมีความสุขกับสิ่งที่เป็น และรู้คุณค่าและภูมิใจในสิ่งที่เป็น่และช่วยกันดูแลและบำรุงรักษาวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่มีมาแต่โบราณ ผมว่าเมืองไทยจะเป็นเมืองที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้นและไม่ถูกดูแคลน สักวันผมจะกลับไปพร้อมกับโครงการ "เมืองไทยน่าอยู่"
๑. ผมอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่า ชาวไร่ ชาวนา ชาวประมง ทุกอาชีพล้วนแล้วแต่มีความสำคัญและสามารถมีความสุขในการใช้ชีวิตได้ทั้งนั้น ความสุข ไม่ใช่แค่การมีเงินมีทองมากมายก่ายกอง ความสุขในการใช้ชีวิตคือการได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขทางกาย ทางใจ มากกว่าการที่ต้องขวนขวายจนเกินตัว ชีวิตที่เรียบง่าย พออยู่พอกินในครอบครัว มีเวลาให้กัน ใช้เวลาร่วมกัน นี่ก็ถือว่าเป็นการใช้ชีวิตที่สุข สงบแล้ว
๒. เมื่อก่อนคนไทยอยากให้ลูกให้หลานเรียนสูงๆ เพื่อมาเป็นเจ้าคนนายคนจะได้ทำงานสบาย แต่ปัจจุบันบอกได้เลยว่าการเป็นเจ้าคนนายคนมันไม่ใช่เรื่องสบายเลย เมื่อโตขึ้นตำแหน่งสูงขึ้น ความรับผิดชอบมากขึ้น คิดมากขึ้น นอกจากนั้นเรียนสูงขึ้นก็ต้องย้ายที่อยู่ไปอีก ออกไปใช้ชีวิตข้างนอก บางครั้งถามว่าทำไมคนสมัยนี้ถึงทิ้งคนเฒ่าคนแก่ไว้บ้านนอก หรือเฝ้าบ้านล่ะ ก็เพราะความคิดอยากให้ลูกให้หลานได้เรียนสูงๆนี่เอง ครั้งพอเรียนจบก็ต้องทำงานในเมือง ก็ไม่รู้ว่าจะสุขหรือทุกข์ดี และบางทีระบบการศึกษาปัจจุบันก็ไม่ได้ทำให้คนเรามีความรู้มากขึ้น หรือว่าเป็นคนดีขึ้นด้วย
๓. ชีวิตคือ การเรียนรู้ ดังนั้นไม่เฉพาะการเรียนตามระบบเท่านั้นหรอกที่จะทำให้คนเรามีความรู้ ฉลาด รักษาตัวรอด ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข บางทีตาสีตาสาธรรมดามีความสุขกับการใช้ชีวิตมากกว่านักธุรกิจร้อยล้านพันล้านเสียอีก
๔. ทรัพยากรธรรมชาติ อากาศ แม่น้ำ ท้องไร่ ท้องนา วันข้างหน้าจะเป็นของใคร ก็เป็นของเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่ ดังนั้น ณ ปัจจุบันสิ่งที่มีและสิ่งที่กำลังจะเป็นไปนั้น มันเป็นสิ่งที่เค้าทั้งหลายจะต้องช่วยกันดูแลและจัดการในแนวที่เค้าอยากให้มันเป็นไป แม่น้ำที่เคยใสสะอาดแต่ก่อนเคยโดดเล่นได้ เดี๋ยวนี้เค้าไม่มีโอกาสอย่างนั้นแล้ว ถนนที่แต่ก่อนเด็กๆปั่นจักรยานไปโรงเรียน เดินไปโรงเรียนกัน เดี๋ยวนี้เค้าทำเช่นนั้นไม่ได้อีกแล้ว เพราะถนนขวักไขว่ไปด้วยรถคันใหญ่ไม่เคยเห็นหัวคนเดินริมถนนเลยแม้แต่น้อย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของเขาทั้งสิ้น เค้าจึงควรวางแผนและช่วยกันจัดการเพื่อให้ได้สิ่งที่เค้าต้องการ
๕. สิทธิที่เค้าพึงมี แม้จะเป็นเด็กก็ตาม แต่นั่นคือ มรดกที่เค้าจะได้รับมัองในอนาคตข้างหน้า เค้าต้องการมรดกแบบไหนกัน อากาศเป็นพิษ น้ำเน่าเสีย ถนนที่คร่าคร่ำไปด้วยรถยนต์ ต้นไม้มีเฉพาะในสวนสาธารณะ อันตรายในการใช้ถนนเช่นนั้นเหรอ
16.1.53
สถิติการวิ่ง ปี พ.ศ. 2552
01 ก.พ. ดรุณา-นารีมินิ-ฮาล์ฟมาราธอน ร.ร.ดรุณานารี อัมพวา จ.สมุทรสงคราม 10 10 -
08 ก.พ. พันท้ายนรสิงห์มินิ-ฮาล์ฟมาราธอน วัดพันท้ายฯ จ.สมุทรสาคร 10 20 -
15 ก.พ. ม.พระจอมเกล้าธนบุรีมินิ-ฮาล์ฟมาราธอน มจธ. ทุ่งครุ ธนบุรี กรุงเทพ 21 41 5-1
08 มี.ค. เขากบ มินิ-ฮาล์ฟมาราธอน 52 จ.นครสวรรค์ 10 51 3-2
29 มี.ค. The 28th Sakura Asahi Kenkoh Marathon Sakura, Chiba, JAPAN 42 93 -
11 เม.ย. พญาลิไทมินิมาราธอน ต.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย 10 103 -
12 เม.ย. วิ่งผลัด สงกรานต์มาราธอน ปีที่ 23 สวนลุมพินี กรุงเทพ 12.5 105.5 -
03 พ.ค. 40 ปี กฟผ.มินิมาราธอน กระทรวงสาธารณะสุข จ.นนทบุรี 10 115.5 -
10 พ.ค. อ่างทองมินิ-ฮาล์ฟมาราธอน วัดขุนอินทรประมูล อ.เมือง จ.อ่างทอง 21 136.5 3-3
17 พ.ค. KFC เพื่อสังคมมินิมาราธอน พัทยา จ.ชลบุรี 10 146.5 -
23 พ.ค. ๑๐๐ ปีเมืองแกลง มินิ-ฮาล์ฟมาราธอน ถ.บ้านบึง-แกลง (กม.3) จ.ระยอง 21 167.5 -
24 พ.ค. จันทบุรีมินิ-ฮาล์ฟมาราธอน สวนธารณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อ.เมือง จ.จันทบุรี 21 188.5 -
31 พ.ค. บางปูกาชาดมินิ-ฮาล์ฟมาราธอน เมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ 21+ 209.5 5-4
07 มิ.ย. วิ่งผลัด อ่าวไทย สู่ อันดามัน (สงขลา-สตูล) 2552 สงขลา-สตูล ปากบารา 13 222.5 -
14 มิ.ย. Laguna Phuket Int’l Marathon ลากูน่า จ.ภูเก็ต 42 264.5 -
21 มิ.ย. ลานสการมาราธอน ครั้งที่ 5 อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช 42 306.5 -
05 ก.ค. อบจ. สุราษฎร์ธานีมาราธอน สะพานนริศ ริมแม่น้ำตาปี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ฯ 42 348.5 5-5
06 ธ.ค. Angkor Wat International Half Marathon Angkor Wat, Siam Reap, Cambodia 21 369.5 -
ปีนี้วิ่งรวมระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 370 กม.เอง
เนื่องจากมีการหักเหของชีวิต มีเหตุให้ต้องอพยพมาอยู่ญีปุ่นในครึ่งปีหลัง
ก็เลยได้มาแค่เนี้ยละครับปี 2552 ส่วนปี 2553 คงจะน้อยลงกว่านี้แน่เลย
เพราะที่ญี่ปุ่นไม่ได้จัดวิ่งทุกอาทิตย์เหมือนเมืองไทย
ค่าสมัครก็แพงกว่าบ้านเราอีก บ้านเราสอง สามร้อยบาทก็วิ่งได้แล้ว
อยู่ที่นี่ค่าสมัครอย่างเดียวก็เป็นพันเข้าไปแล้ว... แต่ยังซ้อมไปเรื่อยๆ
กลับไปเมืองไทยเมื่อไหร่ เป็นได้เห็นดีกัน อิ อิ
29.12.52
เรื่องพนันของหญิงชรา
และกล่าวกับพนักงานที่เคาน์เตอร์ ว่าต้องการ
ฝากเงินสามล้านบาทแต่ขอคุยกับผู้จัดการโดยตรง
พนักงานเห็นว่าหญิงชรามีเงินจำนวนมาก เลยพาไปห้องผู้จัดการเมื่อไปถึง ผู้จัดการเกิดความสงสัยว่า หญิงชราไปเอาเงินมาจากไหนเลยถามขึ้นว่า
ผู้จัดการ - คุณยายเอาเงินมาจากไหนมากมายครับ?
คุณยาย - ยายชนะพนันมาจ้ะ
ผู้จัดการ - ยายไปพนันอะไรมาเหรอครับ?
คุณยาย - ก็ไม่มีอะไรมากหรอกพ่อหนุ่ม....อยากรู้ใช่ไหม?
เรามาลองพนันกันก็ได้สักแสนนึง เอาไหมล่ะ? ว่าก่อนเก้าโมงเช้าวันพรุ่งนี้ไข่ของพ่อหนุ่มจะกลายเป็นสี่เหลี่ยม
ผู้จัดการ - ฮ่าฮ่าฮ้า ล้อเล่นน่า จะพนันกันจริงๆเหรอ?
คุณยาย - จริงๆซิ ยายมีเงินไม่เห็นเหรอนี่ไงตั้งสามล้าน....คุณยายเปิดถุงเงินให้ผู้จัดการดู
ผู้จัดการเห็นว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่ไข่ของตนจะกลาย เป็นสี่เหลี่ยม เลยตอบตกลงรับคำท้าและนัดแนะกันว่าพรุ่งนี้เช้าเก้าโมงจะมาพบกันอีกที
ตลอดวันนั้นผู้จัดการไม่เป็นอันทำงานเฝ้าแต่คอยคลำไข ่ตัวเองว่ายังกลมๆรีๆ อยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า รุ่งเช้าตื่นขึ้นมาผู้จัดการก็ไม่ลืมที่จะตรวจสอบลูกน้อยทั้งสองใบว่ายังกลมอยู่เหมือนเดิมจริง ๆ
เมื่อคลำดูแล้วก็ยังกลมๆดีอยู่ ผู้จัดการเลยรู้สึก กระหยิ่มใจว่าวันนี้รวยแน่
เวลาเก้าโมงตรงหญิงชรามาที่ธนาคารและตรงไปที่ห้องผู้จัดการทันทีพร้อมกับชายอีกคน
ผู้จัดการ - สวัสดีครับคุณยาย อ้าว...พาใครมาด้วยละนี่?
คุณยาย - อ๋อ…ทนายน่ะ ยายเห็นเงินพนันมันมากเลยพาทนายมาด้วย
ผู้จัดการ - ฮุฮุ…คุณยายผมเสียใจด้วยนะคุณยายแพ้พนันผมแล้วหละไข่ ผมยังกลมอยู่เลยนี่ไง
ว่าแล้วผู้จัดการก็จัดแจงปลดกางเกงลงและเรียกให้หญิง ชรามาตรวจสอบน้องชายได้
หญิงชราจึงเดินเข้าไปแล้วก็ลูบๆคลำๆไข่ผู้จัดการอยู่ สักพักแล้วพูดขึ้นว่า
คุณยาย - อืมมมม ยังกลมอยู่จริงๆ ยายยอมแพ้แล้ว
ขณะที่คุณยายกำลังคลำไข่ผู้จัดการอยู่นั้น... ผู้จัดการเหลือบไปเห็นทนายที่มากับหญิงชรากำลังเอาหั วโขกกำแพงอย่างแรงติดๆกันหลายครั้ง เลยถามคุณยายว่า
ผู้จัดการ - ยายๆ ทนายของยายเขาเป็นอะไรเหรอ?
คุณยาย - อ๋อ… เขาแพ้พนันยายน่ะ
ยายบอกเขาว่า ภายในเที่ยงวันนี้ยายจะได้คลำไข่ผู้จัดการแบ็งค์ใน officeของผู้จัดการเองเลย
ทนายเขาไม่เชื่อ เราเลยพนันกันสองแสน....อิอิอิ..................
16.12.52
งานเดินเพื่อสุขภาพของ คนญี่ปุ่น
คนญี่ปุ่น ถือว่าเป็นประเทศที่มีคนอายุยืนมากที่สุดในโลก นอกจากเคล็ดลับการกินแล้ว เนื่องจากภูมิอากาศที่หนาวเย็นทำให้คนญี่ปุ่นชอบออกกำลังกายอีกด้วย และการออกกำลังง่ายๆก็คือ การเดิน-วิ่ง
ประชากรผู้สูงอายุของญี่ปุ่นมีจำนวนมากขึ้น การส่งเสริมการออกกำลังกายในผู้สูงอายุเพื่อให้มีความแข็งแรงของญี่ปุ่นก็มีมากด้วย ซึ่งรวมไปถึงการสนับสนุนให้เด็กหรือเยาวชนเริ่มออกกำลังกายตั้งแต่เด็ก เพื่อเป็นการฝึกฝนความอดทน
รูปแบบ การเดิน-วิ่งในญี่ปุ่น จึงแตกต่างกันออกไปอย่างเห็นได้ชัด สำหรับนักวิ่งที่ต้องการแข่งขันเรื่องของเวลา ก็จะมีสนามแข่งขันที่ชัดเจน มีการกำหนดระยะเวลา ส่วนคนที่เน้นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพก็จะมีสนามรูปแบบเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ
โดยปกติการจัดกิจกรรมเดิน-วิ่งก็ค่อนข้างจะยุ่งยากพอดูอยู่แล้ว และในญี่ปุ่นก็เช่นกันและดูเหมือนจะยุ่งมากกว่าด้วย เพราะการจัดกิจกรรมแต่ละครั้งจะพยายามกำหนดให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสมัครล่วงหน้าเพื่อที่จะทำประกันให้
และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเดินเพื่อสุขภาพ ทุกคนจะต้องเตรียมพร้อมในการเดินแต่ละระยะ งานนี้มี 30 กม. 15กม. และ 7กม. เดินกันวันเสาร์และวันอาทิตย์ สองวันเลย โดยที่ทุกคนสามารถเลือกได้ว่าจะเดินวันไหน ระยะเท่าไหร่ตามความถนัด หรือจะเดินทั้งสองวันเลยก็ได้
เนื่องจากอากาศมันหนาวก็แต่งตัวกันอย่างที่เห็น แบกเป้กันของใครของมัน กระติกน้ำ ขวดน้ำพร้อม เนื่องจากมาเดินกันเพื่อสุขภาพ เรื่องรางวัลไม่มี แต่ว่า
ตอนสมัคร... ท่านจะได้แผนที่และคู่มือการเดินของแต่ละสนามและในแต่ละวัน วันเสาร์-อาทิตย์เส้นทางก็จะต่างกัน
แผนที่ที่ได้มา ก็จะมีชองสำหรับประทับตรา ว่าได้เข้าร่วมสนามนี้แล้ว เส้นทางนี้ เพื่อเก็บเป็นที่ระลึกหรือสะสมสนามการเดิน
ก่อนเริ่มการเดินเพื่อสุขภาพในวันนี้ ก็จะมีการแนะนำเส้นทางของแต่ละระยะ แล้วก็ยืดเส้นยืดสายกันก่อนออกสตาร์ท
ระยะ 30 กม. เริ่มสตาร์ก่อน ตามด้วย 15 กม. ผู้ใหญ่ และ 15 กม. รุ่นเยาว์ และปิดท้ายด้วย 7 กม.
7 กม. เป็นระยะที่สั้นที่สุดคนเดินน้อยที่สุด ดังนั้นก่อนออกสตาร์ท ก็จะมีกิจกรรมสันทนาการสร้างความครื้นเครงกันก่อน โดยมีกลุ่มนักศึกษาเข้ามาเป็นส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม
เมื่อเริ่มออกสตาร์ทเจ้าหน้าที่จะคอยประทับบนแผนที่ให้กับนักเดินที่ผ่านจุดสตาร์ทออกไป เหมือนเป็นการเช็คพอยท์เริ่มต้น และก็รับน้ำเพื่อดื่มระหว่างทาง
วันนี้เด็กๆมาเดินกันคนละ 15 กม. โดยจะมีผู้ปกครองพามา เห็นในภาพคงไม่ต้องบอกว่าเยาวชนรุ่นไหน ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อการแข่งขัน แต่เป็นการฝึกความอดทนให้กับเยาวชน
ที่ญี่ปุ่นเด็กๆส่วนใหญ่ต้องเดินไปโรงเรียน ไม่มีผู้ปกครองขับรถมาส่ง แต่ความปลอดภัยก็สูงกว่าบ่านเรา รถไม่เยอะ แล้วก็ถือว่าคนเดินถนนมีความสำคัญและได้รับการดูแลตามกฏหมาย บ้านเราคนต้องหลบรถ แต่ที่นี่รถต้องหยุดให้คนเดินก่อน
มาเดินกันหลายๆคน เด็กๆก็สนุก แทนที่จะรู้สึกเบื่อหรือเหนื่อย หรือถูกบังคับให้มาวิ่งหรือเดิน
เดินเข้าสู่เส้นชัย ก็ประทับตราอีกรอบ เพื่อแสดงว่าได้เดินสำเร็จแล้ว และรับของที่ระลึกจากการแข่งขัน
เด็กๆเดิน 15 กม.
หลังจากเข้าสู่เส้นชัยก็นั่งพักเหนื่อย ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน พรุ่งนี้มาเดินต่อกันอีกวัน...
เส้นทางการเดินแต่ละระยะก็มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้ความปลอดภัย
เดินเข้าสู่เส้นชัย ก็ประทับตราอีกรอบ เพื่อแสดงว่าได้เดินสำเร็จแล้ว และรับของที่ระลึกจากการแข่งขัน
ส่วนน้องสามคนนี้เดิน 15 กม. วันเสาร์และวันอาทิตย์เลย... เฮ้อ สุดยอดด...
23.11.52
กินยั้งมะเร็งกับนักกำหนดอาหาร
รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (แอนตี้ออกซิแดนท์) ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี และซีลีเนียม แหล่งอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระคือ ผัก ผลไม้ และธัญพืชต่างๆ (ถั่วต่างๆ ลูกเดือย ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์) ผัก-ผลไม้ควรรับประทานทุกวัน ถ้าเป็นผักสุกมื้อหนึ่งประมาณหนึ่งทัพพี ถ้าเป็นผักสดประมาณหนึ่งถ้วยข้าวต้มอย่างน้อย ถ้ารับประทานได้มากขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดีมากขึ้น สำหรับผลไม้ปริมาณที่เหมาะสมคือกินให้ได้ 2-3 ครั้ง/วัน ถ้าเป็นผลไม้ลูกกลมๆ เช่น แอปเปิล ให้กินหนึ่งผลต่อหนึ่งมื้อ ถ้าเป็นผลไม้ลูกโตๆ เช่น สับปะรด แตงโม มื้อหนึ่งควรกินให้ได้ประมาณ 8 คำ
หลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อมะเร็ง เช่น อาหารที่มีการเติมสารถนอมอาหารต่างๆ เช่น สารกันบูด สารกันเชื้อรา
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเชื้อราปนเปื้อน นอกจากดูวันผลิตและวันหมดอายุซึ่งเป็นหลักสำคัญ รองลงไปคือสังเกตด้วยตาเปล่า ถ้ามีเชื้อราเพียงเล็กน้อยก็ไม่ควรรับประทานแล้ว อาหารที่เลยกำหนดวันหมดอายุไปเพียงเล็กน้อยก็อาจมีเชื้อราที่มองไม่เห็นด้วย ตาเปล่าเกิดขึ้นได้เช่นกัน
หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัดหวานจัด
หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่ให้ไขมันมากเกินไป อาหารที่มีไขมันสูง การได้รับไขมันในปริมาณมากเกินไป คือเกิน 30-35% ของพลังงานที่เราได้รับทั้งหมด โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว ไขมันที่มาจากสัตว์ อาจมีผลทำให้เกิดมะเร็งได้ เป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่ง
หลีกเลี่ยงอาหารประเภทปิ้ง-ย่างหรือเผาไหม้จนเกรียม โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ เนื่องจากไขมันในสัตว์เนื้อแดงและสัตว์ปีกเมื่อเจอกับความร้อนจะเกิดสารออกซิเดชั่น เป็นสารแห่งความเสื่อม ซึ่งจะทำให้เกิดโรคในกระบวนการความเสื่อมต่างๆ เช่น ทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็งแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่าอาหารปิ้ง-ย่างเป็นอันตรายจน กระทั่งกินไม่ได้ ยังสามารถกินได้ใน ปริมาณพอเหมาะ ที่สำคัญคือ ไม่ควรกินติดต่อกันเป็นประจำ (หรือที่เรียกว่ากินซ้ำซาก) เพราะเท่ากับเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งมากขึ้น แต่ถ้าหลีกเลี่ยงได้จะเป็นการดีที่สุด
เลือกกินอาหารที่มาจากพืชเป็นส่วนใหญ่ การรับประทานอาหารในแต่ละมื้อควรมีผักและผลไม้ทุกครั้ง (อาหารที่มีกากใยสูง)
ควรรับประทานผักให้มีความหลากสี (ไม่ควรรับประทานชนิดเดียวซ้ำๆ) เช่น ผักสีขาว ได้แก่ หอมใหญ่ ผักกาดขาว ดอกแค กะหล่ำปลี, ผักสีเขียว ได้แก่ บร็อกโคลี ถั่วฝักยาว คะน้า ผักบุ้ง, ผักสีแดง ได้แก่ มะเขือเทศ แครอท, ผักสีเหลือง ได้แก่ ข้าวโพดอ่อน ฟักทอง, ผักสีม่วง ได้แก่ มะเขือม่วง
หากต้องการโปรตีน ลองหันมากินโปรตีนจากพืช เช่น เห็ด ถั่วเหลือง สลับกับโปรตีนจากเนื้อสัตว์
เลือก รับประทาน 'อาหารว่าง' ที่ประกอบจากผักหรือผลไม้ แทนขนมหวาน เช่น ผลไม้สด ผลไม้ลอยแก้ว น้ำส้มคั้นสด น้ำบีทรูท น้ำฟักทอง น้ำแครอท
เมนูอาหารต้านมะเร็ง :
คุณค่าอาหาร: ถั่วเปลือกแข็งชนิดต่างๆ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญต่อการป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก คือ ซีลีเนียมและวิตามินอี เส้นใยอาหารสูงในถั่วยังช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้อีกด้วย
2. แซลมอนดิ๊ปอโวคาโด (Salmon dip Avocado)
3. แกงกะหรี่ผัก
เครื่องดื่ม Citrus Drink
ที่มา : ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ
22.8.52
เม็กซิโก...ทั้งจำทั้งปรับ...หากใช้ถุงพลาสติก
Story Highlights
Mexico City is Western Hemisphere's second large metro area to ban the bags
Move comes as leading environmentalists call for global ban
U.N. agency: Plastic bags are second-most common form of litter
Bags a major threat to ocean wildlife, U.N. agency says
MEXICO CITY, Mexico (CNN) -- Mexico City's thousands of stores went green Wednesday, as amended ordinances on solid waste now outlaw businesses from giving out thin plastic bags that are not biodegradable.
The law affects all stores, production facilities and service providers within the Federal District, which encompasses the city limits. Nearly 9 million people live inside the district and another 10 million reside in surrounding communities that make up greater Mexico City.
Mexico City becomes the second large metropolitan area in the Western Hemisphere to outlaw the bags. San Francisco in March 2007 enacted an ordinance that gave supermarkets six months and large chain pharmacies about a year to phase out the bags. Los Angeles is set to impose a ban if the state of California does not enact a statewide 25-cent fee per bag by July. About 90 percent of the bags used in the United States are not recycled.
Bans and other restrictions on plastic bags are in place in several countries. China has adopted a strict limit, reducing litter and eliminating the use of 40 billion bags, the World Watch Institute said, citing government estimates. Although compliance has been spotty, violation of the law carries a possible fine of 10,000 yuan ($1,463), World Watch said.
In Tanzania, selling the bags carries a maximum six-month jail sentence and a fine of 1.5 million shilling ($1,137). Mumbai, India, outlawed the bags in 2000 and cities in Australia, Italy, South Africa and Taiwan have imposed bans or surcharges. Ireland reported cutting use of the bags by 90 percent after imposing a fee on each one.
Don't Miss
Blog: Is Hong Kong eco-trendy or eco-serious?
Ocean trash problem 'far from being solved,' U.N. says
Some leading environmentalists are calling for a global ban on the bags. Achim Steiner, executive director of the United Nations Environment Program, says plastic bags are the second-most-common form of litter, behind cigarette butts. The bags are the greatest form of litter on the globe's oceans, the U.N. agency said in a recent report. The bags are also a major threat to ocean wildlife, causing the deaths of 100,000 sea turtles and other marine animals that mistake them for food.
"Thin-film, single-use plastic bags, which choke marine life, should be banned or phased out rapidly everywhere," Steiner said in June. "There is simply zero justification for manufacturing them anymore, anywhere."
Mexico City, which has had some of the worst air pollution in the world, also is looking at improving its environment in other ways. The municipal government announced this month it will place more than 1,100 bicycles at 84 stations throughout the city for residents to use. Officials said they hope to increase bicycle use as a form of transportation to 5 percent, up from the current 1.2 percent.
----------------------------------------------
7.8.52
บรูไนสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ใหญ่สุดในภูมิภาค
5.8.52
"จับจริงปรับจริง" ไม่หยุดรถ-ไม่ข้ามทางม้าลาย
นายจุมพล สำเภาพล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กรุงเทพมหานคร เปิดผยว่า กล่าวถึงการดำเนินงานโครงการรณรงค์วินัยจราจรให้ข้ามถนนในทางข้าม ว่า กทม.ร่วมกับตำรวจจราจรลงพื้นที่รณรงค์วินัยจราจรให้ผู้ใช้รถใช้ถนนและคนข้ามเคารพกฎและสัญญาณจราจรเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ทางร่วมกัน ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายกทม.คือเทศกิจ และตำรวจจราจรลงพื้นที่รณรงค์ที่ถนนอโศกมนตรีไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกระทำผิดกฎ จะถูกจับ-ปรับตามกฎหมาย โดยรถที่ไม่หยุดรถที่ทางม้าลายคนข้ามจะปรับ 500-1,000 บาท และในส่วนของคนข้ามนอกทางม้าลาย ปรับ 200 บาท โดยกทม.จะส่งเจ้าหน้าที่เทศกิจร่วมกับตำรวจจราจรตั้งจุดกวดขัน จับ-ปรับในบริเวณ ทางม้าลาย ทางร่วม ทางแยกต่างๆ เริ่มดำเนินการอย่างจริงจังตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2552 เป็นต้นไป
นอกจากนี้กทม.จะลงพื้นที่รณรงค์ในถนนอื่นๆ เพิ่มขึ้นให้ทั่วกทม.คาดว่าจะช่วยกระตุ้นสำนึกประชาชนให้มีวินัยจราจรเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนร่วมกัน ส่วนปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วถึงตลอดเวลาอาจเพราะเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ หรือ ตรวจตราไม่ต่อเนื่องตลอดเวลาทำให้ยังคงมีประชาชนละเลยวินัยอยู่นั้น ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจจราจรที่จะหาแนวทางที่เหมาะสมซึ่งกทม.ก็ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ความคิดเห็น: ดีใจจังที่กรุงเทพเริ่มมีทิศทางการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น แต่โครงการดีๆแบบนี้ไม่ควรจะหยุดไว้แค่ในกรุงเทพ ทั่วประเทศเลยนะจะใช้ให้ทั่ว เพื่อให้สังคมไทยน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ร่วมกันรับผิดชอบ เห็นอกเห็นใจผู้ใช้ถนน โดยเฉพาะผู้ที่อ่อนแอกว่า คนแก่ คนชรา จักรยาน เป็นต้น
5.6.52
วันนี้ไปบริจาคเลือดมา... ครั้งแรกเลย
นอกจากความภูมิใจที่ได้แบ่งปันและช่วยเหลือผู้อื่นโดยทางอ้อมแล้ว เชื่อไหมว่าการบริจาคเลือดยังช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย เลือดประกอบด้วยพลาสมา (น้ำเหลือง) และเม็ดเลือด คิดเป็น 8 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว คือ 5-6 ลิตรสำหรับผู้ชาย และ 4-5 ลิตรสำหรับผู้หญิง หรือประมาณ 17-18 แก้วน้ำ ไขกระดูกเป็นอวัยวะตั้งต้นที่ทำหน้าที่สร้างเม็ดเลือด 3 ชนิด อันได้แก่ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด เพื่อทำหน้าที่แตกต่างกันไปในร่างกาย
กระตุ้นการทำงานของไขกระดูก เปรียบเหมือนการออกกำลังกายให้กับไขกระดูกได้ทำงานดีขึ้น
ได้ตรวจสุขภาพทางอ้อม เพราะเมื่อมีการได้รับเลือดแล้ว ทางสภากาชาดจะต้องตรวจความสมบูรณ์ของเลือด ตรวจหาภาวะติดเชื้อต่างๆ เท่ากับผู้บริจาคได้รู้ภาวะสุขภาพของตนเองในขณะนั้นด้วย
ลดความเสี่ยงโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน การวิจัยในประเทศฟินแลนด์พบว่า การบริจาคโลหิตช่วยลดความเสี่ยงโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันในเพศชายได้ถึง 88 เปอร์เซ็นต์ เพราะโรคนี้มีความสัมพันธ์กับปริมาณธาตุเหล็กที่สะสมในร่างกาย หากมีสะสมมาก โอกาสเสี่ยงย่อมสูง เนื่องจากธาตุเหล็กส่งผลให้ไขมันทำปฏิกิริยาออกซิเจนจนหลอดเลือดตีบและกลายเป็นอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน การบริจาคเลือดจึงช่วยให้ร่างกายลดภาวการณ์สะสมธาตุเหล็ก ซึ่งเท่ากับลดความเสี่ยงโรคหัวใจลงด้วยนั่นเอง การบริจาคเลือดทุก 3 เดือน จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีขึ้นได้ด้วยตนเอง
4.6.52
กระท้อนหวาน อร่อย
ด.ญ.คำหล้า "วันนี้ครูนิดให้หนูทำอย่างอื่นแทนได้ไหมค่ะ"
ครูนิด "ทำไม เธอทุบกระท้อนหวานอร่อยดีครูชอบ"
ยายกับหลาน คนละเรื่องเดียวกัน
คนไทยฉลาดกว่าคนฝรั่งเยอะ
ฝรั่งคนที่ 1 "นายเรียนจบที่ไหนว่ะ"ฝรั่งคนที่ 2 "เราเรียนจบที่ OXFORD " (ทันใดนั้น ฝรั่งคนที่ 2 ก็ควักน้ำล้างมือมาถึงข้อศอก) ฝรั่งคนที่ 1 เห็นก็งงแล้วถามว่า "ทำไมต้องล้างมือถึงข้อศอกด้วย"ฝรั่งคนที่ 2 ตอบว่า " ที่อังกฤษเขาสอน ให้ล้างอย่างนี้ เพราะ ตอนฉี่ ฉี่อาจกระเด็นมาถึงแขนก็ได้ ต้องระวังไว้ก่อน"(ทันใดนั้น ฝรั่งคนที่1 ก็ควักน้ำมาล้างมือ เฉพาะ ที่มือ แล้วหาไม้มา แคะขี้เล็บออก) ฝรั่งคนที่ 2 เห็นก็ถามว่า " นายจบจากที่ไหน"ฝรั่งคนที่ 1 ตอบว่า "เราจบจาก STAMFORD ที่นั่นเขาสอนให้ล้างมือเฉพาะที่สกปรก แล้วก็ แคะขี้เล็บออก เพื่อป้องกันเชื้อโรค"
27.4.52
19.4.52
ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องเสียสละ... อย่ายึดติดอีกต่อไป
เริ่มต้นชีวิตคู่ เพื่อความเท่าเทียม ความสงบสุขของมวลมนุษยชาติ และสิ่งแวดล้อม
28.2.52
Contribute member countries to develop Indicators National Guidelines: Thailand
ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นพูดคุยถึงปัญหาและประสบการณ์จากการทดลองใช้แบบสัมภาษณ์และ แบบสอบถาม (log sheet) ที่เป็นผลจากการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการจัดเก็บข้อมูลและจัดทำเป็นคู่มือการเก็บข้อมูลของตัวชี้วัดจากเรือประมงพาณิชย์ในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 5-7 สิงหาคม 2551 และ การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อการจัดเก็บข้อมูลและจัดทำเป็นคู่มือการเก็บข้อมูลของตัวชี้วัดจากเรือประมงพื้นบ้านในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม 2551 รวมถึงเนื้อหาของแบบสัมภาษณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล หลังจากได้มีการอภิปรายพูดคุยโดยรวมแล้วผู้เข้าร่วมประชุมแบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยทำการอภิปรายเพื่อปรับปรุงแก้ไขและสรุปเนื้อหาแบบฟอร์มหรือสมุดบันทึกข้อมูล (log sheet) ในส่วนของกลุ่มเรือประมงพาณิชย์ (อวนลากและอวนล้อมจับ) และกลุมประมงพื้นบ้าน (อวนลอย ลอบ และอวนและแหครอบ) ให้มีความเหมาะสมสำหรับนักวิชาการที่สามารถนำไปใช้ได้จริงโดยพิจารณาจากผลการนำไปทดลองใช้
หลังจากได้ทำการปรับปรุงแก้ไขในเนื้อหาของแบบฟอร์มหรือสมุดบันทึกข้อมูล (log sheet) เรียบร้อยแล้ว ต่อจากนั้นได้เปิดการอภิปรายรวมอีกครั้งโดยร่วมกันอภิปรายในเนื้อหาเพิ่มเติมที่จะนำมาประกอบเป็น คู่มือการเก็บข้อมูลของตัวชี้วัดทางการประมงในประเทศไทย และนี่คือหนึ่งในผลงานของเรา
16.2.52
ขึ้นโขนชิงธง ณ สนามแม่น้ำหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร
"มรดกวัฒนธรรมแห่งลุ่มน้ำหลังสวน" ณ สนามแม่น้ำหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร
13.2.52
เที่ยว จ.สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและศรีสัชนาลัย
จังหวัดสุโขทัยมี พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม โดยตอนเหนือเป็นที่ราบสูงมีภูเขาเป็นพืดยาวมาทางทิศตะวันตก พื้นที่ตอนกลางเป็นที่ราบและตอนใต้เป็นที่ราบสูง มีแม่น้ำไหลผ่านจากเหนือลงใต้ โดยผ่านพื้นที่ อ.ศรีสัชนาลัย อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง อ.เมืองสุโขทัย และ อ.กงไกรลาศ เป็นระยะทางประมาณ 170 กิโลเมตร จังหวัดสุโขทัยมีภูเขาที่สูงที่สุด คือ เขาหลวง ซึ่งยอดเขามีความสูง 1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเล
อุทยานที่น่าท่องเที่ยวใน จ.สุโขทัย ได้แก่ อุทยานแห่งชาติรามคำแหง อุทยานแห่งชาติศรีสัชนาลัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ครอบคลุมพื้นที่โบราณสถานกรุงสุโขทัย ศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรสุโขทัยซึ่งมีอำนาจอยู่บริเวณภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-19 ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า (เขตเทศบาลตำบลเมืองเก่า) อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ห่างจากตัวเมืองสุโขทัยปัจจุบัน (เขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี) ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 กิโลเมตร อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยได้รับการประกาศคุ้มครองครั้งแรกตามประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 92 ตอนที่ 112 ลงวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2504 ต่อมาในปี พ.ศ. 2519 โครงการฟื้นฟูอุทยานแห่งนี้ก็ได้รับการอนุมัติ และเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2531
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ของประเทศไทยตั้งอยู่ที่ตำบลศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย มีโบราณสถานทั้งหมด 215 แห่ง สำรวจค้นพบแล้ว 204 แห่ง รวมทั้งสุสานวัดชมชื่น และเตาสังคโลกโบราณ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2534