สนามที่ 5 พัทยามาราธอน (15 ก.ค.50)
ผมแทบไม่อยากจะลุกออกจากที่นอนเลยให้ตายซิ
มันรู้สึกไม่อยากจะวิ่งเลย เพราะรู้สึกว่าวิ่งมา 4 มาราธอนเนี่ยก็เต็มกลืนแล้ว...
แต่ก็ฝืนขึ้นมาอีกแค่สนามเดียวเป้าหมาย 5 มาราธอน 5 อาทิตย์ก็จะจบกันซะที....
พอปล่อยตัวออกไป ผมก็ยังรู้สึกขี้เกียจ
ขามันไม่ค่อยอยากจะก้าว เฮ้อ... ทำไมต้องมาถ่อสังขารอยู่ได้ว้า...
ฝืนวิ่งไปเรื่อยๆอาการค่อยดีขึ้นมาหน่อย
ถึง กม. ที่ 15 ผมเริ่มรู้สึกมีความสุขกับการวิ่งแล้วครับทีนี้
เพราะด้วยอากาศที่ไม่ค่อยร้อน
บวกกับการปิดถนนเส้นสุขุมวิทสำหรับนักวิ่งมาราธอน
มันทำให้ผมรู้สึกว่าผู้จัดเอาใจใส่นักวิ่งมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ
คุณตำรวจและเจ้าหน้าที่ อปพร.พัทยา ให้การสนับสนุนและดูแลนักวิ่งเต็มที่
สนามนี้เป็นสนามที่ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าผมเป็นนักวิ่งคนสุดท้าย
และที่ผ่านมาผมรู้สึกว่าสนามนี้มันโหดและก็ไม่ค่อยจะประทับใจผลงานที่ผ่านมาสักเท่าไหร่
มาวันนี้สนามสุดท้ายเป็นสนามที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจและมีความสุขในการวิ่งที่สุด
เพราะผมได้เห็นแล้วว่าสนามนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
พัทยามาราธอนที่ว่าโหด
คราวนี้ต้องเปลี่ยนใหม่เป็นพัทยามาราธอนที่ใครๆก็วิ่งได้
วันนี้ผมทำเวลาไป 6 ชั่วโมงกว่า แต่ไม่รู้กว่าไปเท่าไหร่...
เฮ้อ จบสิ้นกันซะที 5 มาราธอนของผมจบแล้ว
การแข่งขันทุกอย่างก็จบลง
แต่ที่จะยังคงดำเนินต่อไปก็คือ ชีวิตที่รอดมาได้ของผมเอง
จบ 5 สนามผมรู้สึกมีความสุขและก็ดีใจเป็นที่สุด
ที่ดีใจและมีความสุขไม่ใช่เพราะผมทำได้สำเร็จหรอกนะครับ
เรื่องความสำเร็จ 5 สนามของผมมันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย
แต่ที่น่าดีใจคือบ้านเรามีสนามมาราธอนให้วิ่งมากขึ้น
เพื่อสุขภาพของคนไทยทุกคน
ยิ่งไปกว่านั้นผมเห็นว่างานวิ่งเกือบทุกงานมีการพัฒนาปรับปรุงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าจะเป็นมาราธอนทั่วไปสำหรับนักวิ่งไทย
หรือแม้แต่มาราธอนนานาชาติ ก็เป็นที่น่ายินดีกับวงการวิ่งบ้านเรา
และจากประสบการณ์ 5 สนามที่ผ่านมา
ผมต้องขอชื่นชมและยกย่องในความเก่งกล้าสามารถ
ของน้อง ศยามล ผูกมิตร สังกัดชมรมวิ่งทองกวาว
น้องคนนี้เก่งและแกร่งจริงๆ สมกับเป็นนักกีฬาตัวจริง
ได้ที่ 1 ไปครองเกือบทุกสนาม แรงดีไม่มีตก
ไม่รู้ร่างกายถูกสร้างมาด้วยอะไร แต่ที่แน่ๆผมว่าเธอซ้อมมาอย่างดี
ไม่รู้ว่าด้วยสูตรไหนเพราะที่วิ่งๆกันเนี่ยเธอก็วิ่งระยะมาราธอนตลอด
หรือว่าเพราะน้องเค้ายังละอ่อนก็ไม่รู้…
ในฐานะที่เธอเป็นนักวิ่งแข่งขัน ผมยอบรับเลยว่าเธอเก่งมากๆ
แต่ที่ไม่ละอ่อน ก็ป้าสมพิศ ฮิวการ์ดเนอร์ และ
เจ๊ลุ้ย-เสาวลักษณ์ ธรรมรงค์กุล เป็นนักวิ่งอาวุโส 60 ปีขึ้น
ที่เก่ง แกร่งและมีสปิริตของความเป็นนักวิ่งระยะมาราธอนอย่างสมบูรณ์
42 กม. ก็คือ 42 กม. อย่ามาให้ป้าลักไก่เลยลูก หลานเอ้ย...
ใครเค้าไม่รู้ ไม่เป็นไร แต่คนเราก็รู้อยู่แก่ใจตัวเอง...
นี่แหละครับมนุษย์มาราธอนตัวจริง! สุดยอดคนจริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น