26.6.50

5 มาราธอน 5 อาทิตย์ เรื่องจิ๊บๆ (ภาค 3)


สนามที่ 2 ลานสกามาราธอน (24 มิ.ย.50) สนามนี้ใช้เส้นทางเดิมเหมือนที่ผ่านมาเช่นกัน
ครั้งนี้เป็นการวิ่งครั้งที่ 3 ทุกครั้งที่ได้มาวิ่ง สัมผัสได้ถึงการปรับปรุงพัฒนาการจัดการแข่งขันของผู้จัด ตลอดมา
มาราธอนสนามนี้ เป็นสนามที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่โดดเด่น
ด้วยความสวยงามของทิวเขาที่ล้อมรอบ และเส้นทางที่วิ่งขึ้นเขาช้างสี
สร้างความท้าทายให้กับนักวิ่งไม่ถึงกับโหดมากนัก
ปล่อยตัวเวลา 04.00 น. ขาไปอาจจะมืดไปสักหน่อยแต่ได้บรรยากาศ
ได้เห็นเห็นดาวบนท้องฟ้าสวยระยิบระยับ
วิ่งขึ้นเขาไม่ค่อยเหนื่อย เพราะยังมองไม่เห็นความชันของเส้นทาง
พอถึงจุดกลับตัวฟ้าก็สว่าง ขาย้อนกลับ นักวิ่งก็ได้เห็นบรรยากาศทิวเขาตามเส้นทางการวิ่ง
น้ำใจของคนในชุมชนที่มีให้กับนักวิ่งเกือบตลอดเส้นทาง

วันนี้ผมโดนป้าสมพิศ อ.สุดยง นักวิ่งอาวุโสที่พยายามออกแรงวิ่งสลับเดิน แซงงงงงง...ไปต่อหน้าต่อตา
ผมและ มร.ฮาจิเมะ นิชิ อยู่ปิดท้ายขบวนนักวิ่งแล้ววันนี้
พยาบาลบนรถถามเราด้วยความหวังดี “ขึ้นรถมั้ยคะ?”
คำถามแบบนี้ถามใครไม่ถาม มาถามต้นโศก
วะเหวย... มันจะดูถูกกันเกินไปหน่อยแล้ว...
แต่จะทำไงได้ล่ะ คุณนิชิบอกว่า “ผมไปได้แค่เรื่อยๆนะ รู้สึกว่าเจ็บกล้ามเนื้อบริเวณน่องแล้ว... แล้วผมก็จะเข้าเส้นชัยด้วยตัวผมเองให้ได้”
งั้นก็ไม่เป็นไร ผมก็เดินๆวิ่งๆ เป็นเพื่อนคุณ อย่างมากผิวก็สีแทนขึ้นอีกหน่อยแค่นั้นเอง...
และในที่สุดด้วยความเป็นห่วงของทีมงาน
ที่ไม่สามารถบังคับขู่เข็ญ หรือแม้กระทั่งจูงใจเราให้ใช้บริการได้สำเร็จ
เค้าก็คอยขับรถตามหลังเรามาตลอด พร้อมด้วยมอร์เตอร์ไซต์อาสาสมัครอีก สอง สามคัน
ผมละรู้สึกละอายใจจริงๆ ที่ทำให้เขาต้องมารออย่างนี้
(ถ้าผมวิ่งคนเดียวน่ะเหรอ รถพยาบาลก็รถพยาบาลเถอะรับรองตามผมไม่ทันแน่
ไม่ใช่ผมวิ่งเร็วนะครับ ต้องมีคนอื่นช้ากว่าผมแน่ อิ อิ )

เราเป็นนักวิ่งปิดท้ายสำหรับวันนี้ เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครที่ในใจคงอยากจะกลับบ้านน่าดูแล้ว
เพราะสตาร์ทตั้งแต่ตีสี่ เนี่ยมันก็เกือบจะได้เวลาฉันเพล
ทุกคนยังยืนยิ้มให้กำลังใจ ให้น้ำเรา ยังรอพวกเราอยู่ทุกจุดให้น้ำที่เราผ่านไปเมื่อเช้านี้
คำพูดเชิญชวนปีหน้ามาใหม่นะ บวกกับรอยยิ้มของทุกๆคนมันทำให้เรารู้สึกดีขึ้น สบายใจขึ้นมากเลย
ไม่เหมือนงานวิ่งบางงานที่แม้จะไม่ใช่นักวิ่งคนสุดท้ายแต่ก็ต้องมาพบมาเจอกับความว่างเปล่า
โต๊ะเปล่าๆ แก้วเปล่าๆที่ถูกทิ้งไว้ให้เห็นร่องรอยว่าก่อนหน้านี้ว่า
มีนักวิ่งผ่านมาทางนี้แล้วนับร้อย... หรือนับพัน หรือคำพูดบางคำที่ทิ่มแทงใจยิ่งนัก

ผมไปเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดให้น้ำสิ่งที่ผมต้องกระทำคือ
ยกมือทั้งสองขึ้นไหว้งามๆพร้อมกับยิ้มหวานๆที่หวังว่าพอจะช่วยบรรเทาความบันดาลโทสะ
ที่ปล่อยให้ตรูรออยู่ได้ พร้อมกล่าวคำว่า ขอบคุณมากๆนะคะที่ยังรอเราอยู่
เมื่อผ่านแต่ละจุดทุกสิ่งถูกเก็บขึ้นรถตามเราไป
ได้เวลา 07.09 เราก็เข้าสู่เส้นชัย พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเราแม้จะโหลงเหลงไปบ้าง....
ไม่เหมือนเวลาเข้าเส้นชัยตอน 4 หรือ 5 ชม.เลย ที่ยังพอมีเสียงเชียร์แว่วๆอยู่บ้าง
บางทีก็มีนักวิ่งวุ่นสาละวนกับการรับถ้วยรางวัลให้เราแอบอิจฉาบ้างเล็กน้อย...

19.6.50

5 มาราธอน 5 อาทิตย์ติด เรื่องจิ๊บๆ (ภาค 2)

สนามที่ 1 ลากูน่าภูเก็ตมาราธอน (17 มิ.ย.50) มาราธอนสนามแรกได้เริ่มต้นแล้ว
เส้นทางเดิมเหมือนปีที่แล้วที่ผ่านมา แม้จะปรับการวิ่งตรงบริเวณกลับตัวนิดหน่อย
แต่ก็เป็นเส้นทางเดิมล้วนๆ จากจุดสตาร์ทบริเวณลากูน่า ปล่อยตัวนักวิ่งระยะมาราธอนเวลา 05.00 น.
นักวิ่งวันนี้น่าจะเป็นนักวิ่งต่างชาติเกินกว่าครึ่ง บรรยากาศเดิมๆที่ไม่ค่อยต่างไปจากปีที่แล้วมากนัก
วันนี้นอกจากผมจะมาวิ่งๆเดินๆให้ครบ 42.195 กม. ผมยังต้องทำหน้าที่ช่างภาพส่วนตัวให้เพื่อนผม ทั้งถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ ตลอดเส้นทางการแข่งขัน
เมื่อก่อนเคยเห็นพี่เขียวจังวิ่งไปถ่ายวิดีโอไป ผมคิดว่ามันคงง่ายๆเหมือนกับวิ่งไปถ่ายรูปไปแน่เลย
แต่เอาเข้าจริงๆที่ไหนได้มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย นอกจากจะต้องหยุดนิ่งเพื่อจับภาพเป็นนานสองนาน
มือยังต้องปรับซูมภาพให้นิ่งอีกด้วยซึ่งต้องใช้เวลามากกว่าการถ่ายรูปตั้งเยอะ

แค่วิ่งๆเดินๆก็เหนื่อยเหมือนกันนะ พอกิโลที่ 30 กว่าๆ เริ่มมีการ Request ขอมุมต่ำๆ
แล้วคิดดูเอาเถอะวิ่งมา 30 กว่าโลแล้วอ่ะ มันเมื่อยแข้งเมื่อยขาแค่ไหนแล้วต้องมาก้มๆเงยๆ ตะคริวมันจะกินเอา เค้าเห็นผมเป็นซุปเปอร์แมนรึไงไม่ทราบ...
แต่ดีที่วันนี้ฝนตกลงมาทำให้ไม่ร้อนมากนัก บวกกับร่างกายเต็มร้อย ก็เลยยังพอถูๆไถๆไปได้เรื่อยๆ จนเข้าสู่เส้นชัย 07.09 ชม. แม้จะใช้เวลาไปมากพอดูแต่ก็ยังมีนักวิ่งตามหลังเรามาอีก 4-5 คน

18.6.50

5 มาราธอน 5 อาทิตย์ติด เรื่องจิ๊บๆ (ภาค 1)



4 มาราธอน 4 อาทิตย์ ก็ทำมาแล้ว...นับประสาอะไรเพิ่มมาอีกแค่สนามเดียว
5 มาราธอน 5 อาทิตย์ติด เรื่องจิ๊บๆอย่างที่พี่แยมเคยว่าละครับ
แค่วิ่งอย่างเดียวมันจะง่ายเกินไปละมั้ง ก็เลยตั้งเป้าเอาไว้ว่า
ทั้ง 5 สนามจะต้องทำเวลาให้น้อยกว่าที่ผ่านๆมาซะหน่อยเพราะเกือบทุกสนามผมผ่านมันมาแทบหมดแล้ว... แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาซ้อมเพื่อรอเวลาพิสูจน์ตัวเอง...

ไม่คิดจะลงแข่ง แย่งความเป็นหนึ่ง ไม่ดึงดันกับใคร
สุดท้ายก็แค่เหนื่อย และไม่มีใครได้อะไร
สิ่งเดียวที่คิดจะแข่งขัน นั่นคือตัวของเรา
อาจจะเคยดีแล้วในวันเก่า แต่มันยังไม่พอ…

ตั้งหน้าตั้งตาซ้อมบ่อยขึ้นมาหน่อย...
จนบรรดาหนุ่มทหารเรือเริ่มจะคุ้นๆแล้วว่าแถวนี้มีสาวน่ารักผิวคล้ำหน่อยจะออกมาวิ่งตอนเย็นๆบ้างในบางวัน
บางวันก็วิ่งสวนกับบรรดาหนุ่มๆพลทหาร หรือจ่านักเรียนนายเรือ ที่ออกมาวิ่งกันเป็นขบวนให้เพลินดีเหมือนกัน...
เฮ้อ... ดูท่าว่า จบ 5 สนามนี้แล้ว สงสัยจะต้องออกมาซ้อมต่อซะแล้ว...

ในอีกไม่กี่วัน ก่อนสนามแรกจะเริ่มขึ้น เมลล์ฉบับหนึ่งได้ถูกเปิดอ่าน...
ผมจะไปวิ่งมาราธอนในเมืองไทย อยากให้คุณช่วยเป็นช่างภาพส่วนตัวให้หน่อยนะ ทั้งในงานแถลงข่าวและในสนามวิ่ง ผมอยากจะได้รูปเอาไปใช้ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ Ecomarathon: มาราธอนไม่ใช่เพียงเพื่อการแข่งขันแต่เป็นมาราธอนเพื่อสิ่งแวดล้อม (Environment) มนุษยชาติ (Humanity) และ สันติภาพ ความสงบสุข (Peace) ตามทัศนคติและมุมมองของผม- ฮาจิเมะ นิชิ
http://www.healthcorners.com/2007/article/showArticle.php?category=runinterview&id=733
http://www.ecomarathon.org

อ่านจบ... ความหวังของผม มลายไปสิ้น... เศร้าเลยเรา

เรื่องทำเวลาให้น้อยลงคงไม่ต้องคิดถึงอีกต่อไปแล้ว
ด้วยความที่สนิท รู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ผมเลยไม่กล้าที่จะปฏิเสธออกไป
อีกนัยหนึ่งผมเองก็ทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อม สนใจด้านทรัพยากรธรรมชาติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
และก็เห็นว่าแนวความคิดและทัศนคติในการวิ่งของเขาก็ดูจะเข้าท่าดีทีเดียว... ก็เลยตกลงที่จะช่วย...

เก็บเอาความผิดหวังไว้ลึกๆภายใน แม้จะต้องผิดหวังบ้างในบางครา ผมก็หวังจะได้เรียนรู้อะไรเสมอ
ชีวิตกับการวิ่งของผมไม่ได้จบแค่เพียงมาราธอน 5 สนามนี้เท่านั้น... ผมยอมก้มหน้ารับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นต่อไป... จากความว่างเปล่า ที่ไม่มีการแข่งขันกับใครโดยสิ้นเชิงหรือแม้กระทั่งตัวเอง... ผมจะได้พบอะไร