แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 035 วิ่งมาราธอน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 035 วิ่งมาราธอน แสดงบทความทั้งหมด

19.7.50

5 มาราธอน 5 อาทิตย์ติด เรื่องจิ๊บๆ (ตอนจบ)

สนามที่ 5 พัทยามาราธอน (15 ก.ค.50)
ผมแทบไม่อยากจะลุกออกจากที่นอนเลยให้ตายซิ
มันรู้สึกไม่อยากจะวิ่งเลย เพราะรู้สึกว่าวิ่งมา 4 มาราธอนเนี่ยก็เต็มกลืนแล้ว...
แต่ก็ฝืนขึ้นมาอีกแค่สนามเดียวเป้าหมาย 5 มาราธอน 5 อาทิตย์ก็จะจบกันซะที....
พอปล่อยตัวออกไป ผมก็ยังรู้สึกขี้เกียจ
ขามันไม่ค่อยอยากจะก้าว เฮ้อ... ทำไมต้องมาถ่อสังขารอยู่ได้ว้า...
ฝืนวิ่งไปเรื่อยๆอาการค่อยดีขึ้นมาหน่อย
ถึง กม. ที่ 15 ผมเริ่มรู้สึกมีความสุขกับการวิ่งแล้วครับทีนี้
เพราะด้วยอากาศที่ไม่ค่อยร้อน
บวกกับการปิดถนนเส้นสุขุมวิทสำหรับนักวิ่งมาราธอน
มันทำให้ผมรู้สึกว่าผู้จัดเอาใจใส่นักวิ่งมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ
คุณตำรวจและเจ้าหน้าที่ อปพร.พัทยา ให้การสนับสนุนและดูแลนักวิ่งเต็มที่
สนามนี้เป็นสนามที่ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าผมเป็นนักวิ่งคนสุดท้าย
และที่ผ่านมาผมรู้สึกว่าสนามนี้มันโหดและก็ไม่ค่อยจะประทับใจผลงานที่ผ่านมาสักเท่าไหร่
มาวันนี้สนามสุดท้ายเป็นสนามที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจและมีความสุขในการวิ่งที่สุด
เพราะผมได้เห็นแล้วว่าสนามนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
พัทยามาราธอนที่ว่าโหด
คราวนี้ต้องเปลี่ยนใหม่เป็นพัทยามาราธอนที่ใครๆก็วิ่งได้
วันนี้ผมทำเวลาไป 6 ชั่วโมงกว่า แต่ไม่รู้กว่าไปเท่าไหร่...

เฮ้อ จบสิ้นกันซะที 5 มาราธอนของผมจบแล้ว
การแข่งขันทุกอย่างก็จบลง
แต่ที่จะยังคงดำเนินต่อไปก็คือ ชีวิตที่รอดมาได้ของผมเอง

จบ 5 สนามผมรู้สึกมีความสุขและก็ดีใจเป็นที่สุด
ที่ดีใจและมีความสุขไม่ใช่เพราะผมทำได้สำเร็จหรอกนะครับ
เรื่องความสำเร็จ 5 สนามของผมมันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย
แต่ที่น่าดีใจคือบ้านเรามีสนามมาราธอนให้วิ่งมากขึ้น
เพื่อสุขภาพของคนไทยทุกคน
ยิ่งไปกว่านั้นผมเห็นว่างานวิ่งเกือบทุกงานมีการพัฒนาปรับปรุงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าจะเป็นมาราธอนทั่วไปสำหรับนักวิ่งไทย
หรือแม้แต่มาราธอนนานาชาติ ก็เป็นที่น่ายินดีกับวงการวิ่งบ้านเรา
และจากประสบการณ์ 5 สนามที่ผ่านมา
ผมต้องขอชื่นชมและยกย่องในความเก่งกล้าสามารถ
ของน้อง ศยามล ผูกมิตร สังกัดชมรมวิ่งทองกวาว
น้องคนนี้เก่งและแกร่งจริงๆ สมกับเป็นนักกีฬาตัวจริง
ได้ที่ 1 ไปครองเกือบทุกสนาม แรงดีไม่มีตก
ไม่รู้ร่างกายถูกสร้างมาด้วยอะไร แต่ที่แน่ๆผมว่าเธอซ้อมมาอย่างดี
ไม่รู้ว่าด้วยสูตรไหนเพราะที่วิ่งๆกันเนี่ยเธอก็วิ่งระยะมาราธอนตลอด
หรือว่าเพราะน้องเค้ายังละอ่อนก็ไม่รู้…
ในฐานะที่เธอเป็นนักวิ่งแข่งขัน ผมยอบรับเลยว่าเธอเก่งมากๆ

แต่ที่ไม่ละอ่อน ก็ป้าสมพิศ ฮิวการ์ดเนอร์ และ
เจ๊ลุ้ย-เสาวลักษณ์ ธรรมรงค์กุล เป็นนักวิ่งอาวุโส 60 ปีขึ้น
ที่เก่ง แกร่งและมีสปิริตของความเป็นนักวิ่งระยะมาราธอนอย่างสมบูรณ์
42 กม. ก็คือ 42 กม. อย่ามาให้ป้าลักไก่เลยลูก หลานเอ้ย...
ใครเค้าไม่รู้ ไม่เป็นไร แต่คนเราก็รู้อยู่แก่ใจตัวเอง...
นี่แหละครับมนุษย์มาราธอนตัวจริง! สุดยอดคนจริง

11.7.50

5 มาราธอน 5 อาทิตย์ติด เรื่องจิ๊บๆ (ภาคที่ 6)




สุราษฎร์ธานีมาราธอน (8 ก.ค.50) หนังม้วนใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ตอนนี้ผมต้องเปลี่ยนไปรับบทใหม่
ต่างจาก 3 ตอนที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง
3 ตอนที่แล้วผมรับบทเป็นพระเอกของเรื่อง
แต่ม้วนนี้ผมเป็นตัวโกงครับ... เริ่มบทผมก็เริ่ม ระราน ท้าแข่งเค้าไปทั่ว...
ครั้งแรกก็ไม่ได้คิดหรอกว่าจะแข่งขันกับใคร
แต่พอมันถูกอัดอั้นมาซะนาน ตั้ง 3 อาทิตย์อ่ะ
และนี่แหละตามนิสัยหรือสันดานหรือมุมมืดของความเป็นมนุษย์
ที่ทุกคนมีแฝงอยู่ภายใน เมื่อรู้ว่าตัวเองมีกำลังมีอำนาจ
ก็พยายามที่จะแสดงมันออกมาเพื่อให้เห็นว่า
ตูอ่ะมีแรง มีกำลัง มีอำนาจ แต่มีปัญญาหรือเปล่าไม่รู้...
ขอให้ได้ใช้กำลังและเอาชนะคนที่อ่อนแอกว่าให้ได้
เพื่อให้คนเค้าเห็นว่า ข้าฯก็มีกำลังนะเฟ้ย...
โชคดีนะเนี่ยที่ผมไม่ได้มีโอกาสเป็นผู้นำประเทศ...
ไม่เช่นนั้น ผมจะใช้กำลังขจัดโจรผู้ร้ายให้หมดสิ้น (หุ หุ ล้อเล่น)

..... ดังนั้น คงไม่ต้องแปลกใจหรอกที่ทำไมสนามนี้
ผมใช้เวลาไปแค่เพียง 4 ชม. 51 นาที ต่างจาก 3 สนามที่ผ่านมา
และคงจะต่างจากสนามสุดท้ายเช่นกัน.....
ผมไม่ต้องเก็บภาพ ผมไม่ต้องถ่ายวิดีโอ
ผมไม่ต้องห่วงใคร ผมสนใจแต่ตัวเอง
ใครไม่เกี่ยวถอยไป ผมวิ่งอย่างที่ผมอยากจะวิ่ง อยากจะเอาชนะ
แต่ท้ายที่สุดแล้วผมก็เข้าสู่เส้นชัยที่เดียวกับนักวิ่งคนอื่นๆ
ส่วนความภาคภูมิใจน่ะเหรอ... ด้วยเวลา 4 ชั่วโมงกว่าๆของผม
ถ้าเปรียบเทียบกับเวลา 7 ชั่วโมงของพี่นัยเนตรซึ่งวิ่งมาราธอนเป็นครั้งแรกในชีวิต
ผมว่าความภาคภูมิใจของพี่เค้ามันเป็นสิ่งน่าภาคภูมิใจกว่าผมหลายเท่าเลย....
วิ่งเสร็จก็เหนื่อย ไม่เหนื่อยธรรมดานะเหนื่อยมากๆ
หน้างิ่วคิ้วขมวด เจ็บก็เจ็บ ใครทักทายก็ไม่อยากพูดด้วยแล้ะ ดีไม่แยกเขี้ยวเข้าใส่...

5.7.50

มาราธอน 5 อาทิตย์ติด เรื่องจิ๊บๆ (ภาคที่ 5)

มาราธอนที่ 3 ชอนตะวันมาราธอน (1 ก.ค.50)
มาราธอนสนามนี้เป็นสนามที่วิ่งวน 13 รอบ ภายในอุทยานสวรรค์
เป็นสนามที่วิ่งได้ง่าย เส้นทางเรียบไม่มีเนิน ไม่โหด ปลอดภัย อากาศก็ดี ไม่ร้อน
เหมาะสำหรับผู้อยากลองลงมาราธอนครั้งแรกเป็นอย่างยิ่ง
หรือ ใช้เป็นสนามซ้อมใหญ่สำหรับลงพัทยามาราธอนได้เป็นอย่างดี
สำหรับผมถ้าไม่ติดภารกิจตากล้องจำเป็นแล้วล่ะก้อ
สนามนี้น่าจะเป็นสนามที่ผมทำเวลาได้น้อยที่สุด
แต่ในที่สุดผมก็เป็นคนไทยคนสุดท้ายจนได้...
สนามนี้แม้ผมจะใช้เวลาไป 7 ชั่วโมง
แต่เวลาวิ่งก็ไม่เหงาเลยครับ
แม้นักวิ่งจะวิ่งเร็วแค่ไหนก็ยังวิ่งอยู่บนเส้นทางเดียวกัน
วิ่งเร็วมากๆ ก็น้อค-รอบผ่านผมไป
อีกสักพักก็มาน้อค-รอบผมอีกแล้ะ
งานนี้ผมถูกน้อค-รอบเป็นว่าเล่นเลย เรียกว่าเห็นหน้าก้นจนจำได้อ่ะ
งานนี้ผมถูกน้อคจากนักวิ่งเกือบทุกคน
บางคนรอบเดียว บางคนก็ สอง สาม สี่รอบ
แต่ 2 รอบสุดท้ายไม่มีใครมาน้อครอบผมแล้ะ ก็ตอนนั้นแทบไม่เหลือนักวิ่งแล้วนี่ครับ...

ชอนตะวันมาราธอนจบลง คุณนิชิบอก “ผมติดธุระ” เดี๋ยวพัทยาค่อยเจอกันอีกที
บทซุปเปอร์แมนของผมจบแล้วครับ ตอนนี้ผมดีใจเหมือนปลากระดี๋ได้น้ำ... เลยครับ

2.7.50

มาราธอน 5 อาทิตย์ติด เรื่องจิ๊บๆ (ภาคที่ 4)

วันศุกร์ที่ 29 มิ.ย.ก่อนจะต่อมาราธอนที่ 3 ในวันอาทิตย์นี้
ผมรู้สึกเหนื่อย เพลีย ล้าเหลือเกิน เหมือนจะไม่สบายซะงั้น
ทั้งๆที่เมื่อวานอาการก็ยังดีอยู่ และตั้งใจว่าวันเสาร์นี้
จะลองไปทดสอบสมรรถภาพที่ผ่านการฝึกซ้อมมาเสียหน่อย
หลังจากที่ต้องกล้ำกลืนเดินๆวิ่งๆมาแล้วถึง 2 สนาม
ก็เลยกะว่าจะเอาสัก 30 กิโล ขึ้นเขาสามมุกเนี้ยแหละว้าอัดมันให้สุดๆไปเลย...
ก่อนจะไปเดินๆวิ่งๆต่อ มาราธอนที่ 3 ชอนตะวันมาราธอน...
สุดท้ายผมก็ต้องตัดใจลงแค่ 10 กม.
เพราะดูสังขารตัวเองแล้วก็น่าเป็นห่วง
นอกจากจะวิ่ง 30 กม.แบบทุลักทุเล
วันอาทิตย์ผมอาจจะเดินๆวิ่งๆไม่ครบ 42 แน่เลย

เรื่องเล่าเช้าวันเสาร์...ก่อนมาราธอนที่ 3
พอไปถึงสนามซุปเปอร์มินิ-ฮาล์ฟมาราธอน (30 มิ.ย.50)
ไม่ทราบเป็นเพราะผลงานการจัดที่ผ่านมา
หรือว่าเพราะมีสนามวิ่งมาราธอนติดกันในช่วงนี้หลายสนาม
เลยทำให้นักวิ่งดูบางตาไปมากๆ
วันนี้ผมตั้งใจมาอัดอย่างเดียวแต่ก็แค่ 10 โลเองนะ
ปล่อยตัวไปได้สักพักเพิ่งวิ่งไปได้สัก 3 กิโลเห็นจะได้
ทั้งลม ทั้งฝน กระหน่ำมาอย่างแรง
ถ้ามีปีกวันนี้ผมคงเหาะปลิวไปกับสายลมที่พัดอย่างบ้าระห่ำแน่ๆ
ตามเส้นทางวิ่งป้ายบอกทางล้มระเนระนาด ปลิวหายไปบ้าง
เจ้าหน้าที่อยู่ไม่ได้แล้ว ก็มีแต่นักวิ่งนั่นแหละที่บ้าวิ่งสู้ลมสู้ฝนอยู่ได้ รวมทั้งตัวผมเองด้วย

ป้ายบางจุดหายไป ผมก็ไม่รู้วิ่งทางไหน
ได้แต่วิ่งตามนักวิ่งเจ้าถิ่น(ชมรมวิ่งตำหนักน้ำ)ไปเรื่อยๆ
เพราะเชื่อว่าเจ้าถิ่นน่าจะรู้ดีกว่าเราแน่นอน...
และในที่สุดก็กลับมาถึงจุดปล่อยตัว-เส้นชัย
ทุกอย่างเปลี๋ยนไป ไม่เหลือร่องรอยเลยว่าเคยเป็นจุดปล่อยตัวเมื่อก่อน 40 นาทีที่แล้ว
เข้าเส้นชัยทุกอย่างดูจะสับสนกันไปหมด เพราะสภาพภูมิอากาศที่ทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัว

นอกจากความตั้งใจที่จะมาอัดเต็มที่แล้ว
วันนี้ผมยังต้องรีบวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะไม่อยากให้รองเท้ามันเปียก
พรุ่งนี้ผมต้องใช้มันวิ่งมาราธอนอีก
สรุปแล้ววันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมวิ่งแล้วรู้สึกสะใจจริงๆ
ที่ได้วิ่งแข่งอีกครั้งในรอบปี
โดยที่ไม่ได้ถ่ายรูปเลยแม้แต่รูปเดียวระหว่างเส้นทางการวิ่ง...
หลังจากได้ความสะใจเล็กๆที่พอจะเจือจางความข่มขื่นไปได้บ้าง

งานนี้ผมยังได้เห็นน้ำใจความเป็นนักกีฬา
ของเพื่อนนักวิ่งหญิงในรุ่น 30-39 ปีระยะ 10กม.
ผลจากที่ลม และฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก
ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยบอกทาง ไม่มีกรรมการคอยดูแลตัดสิน
ทำให้นักวิ่งบางคนหลงทาง
ดังนั้นนักวิ่งต้องมาตัดสินกันเองในรุ่นว่าใครเข้าก่อนเข้าหลัง
และในรุ่นนี้ผู้ที่เข้ามาที่ 1 เธอวิ่งผิดเส้นทางแต่เธอก็ขอสละสิทธิ์
เพราะรู้ตัวเองว่าวิ่งผิดเส้นทาง
งานนี้แจกถ้วยรางวัล 3 ใบ คนที่เข้าเป็นที่ 2 และ ที่ 3 ไม่มีปัญหาได้ถ้วยแน่นอน
ส่วนคนที่ 4 พี่อ๋อย รามเกียร เมื่อที่ 1 ขอสละสิทธิ์เธอก็มีโอกาสได้ถ้วยไป
แต่ด้วยสปิริตน้ำใจนักกีฬาของพี่อ๋อย
เห็นว่าคนที่เข้าที่ 1 เป็นนักวิ่งน้องใหม่ แล้วสเต็ปการวิ่งก็ดีมาก
ถ้าเธอไม่หลงทางยังไงก็เข้าเป็นที่ 1 อยู่ดี
ที่หลงทางก็เพราะเหตุสุดวิสัยจริงๆไม่ได้ตั้งใจจะลัดเส้นทาง
สุดท้ายพวกเราก็ตัดสินกันเองด้วยสปิริตน้ำใจของนักกีฬา
และโดยเฉพาะพี่อ๋อยที่ยอมเสียสละ และยอมรับในความสามารถของนักวิ่งที่เข้าอันดับ 1

ปกติแล้วถ้าเป็นเส้นทางวิ่งที่มีการย้อนกลับเส้นทางเดิม
หรือนักวิ่งได้มีโอกาสได้วิ่งสวนกัน
ผู้ที่ชื่นชอบกับการสะสมถ้วยรางวัล หรือหวังรางวัลจากการแข่งขัน
ก็จะรู้กันอยู่แล้วว่าใครนำใครอยู่ ใครเข้าก่อน-เข้าหลังตัวเอง
แต่ก็ยังมีนักวิ่งแนวหน้า(หน้าด้าน)บางคนทั้งๆที่รู้ผลและรู้อยู่แก่ใจดี
ไม่มีน้ำใจเป็นนักกีฬา กรรมการตัดสินผิดพลาดก็ถือเอาเป็นที่ตั้ง
บางคนโกงแม้กระทั่งตัวเอง (โกงเส้นทางก็ว่าร้ายแล้ว โกงอายุยิ่งร้ายกว่าซะอีก)
ไม่รู้เกิดอัลไซเมอร์กะทันหันอะไรขึ้นมาเกิดจำอายุตัวเองไม่ได้
(ต้องรีบพาไปรักษา ไม่งั้นยิ่งวิ่งอาการยิ่งกำเริบ)
นอกจากจะไม่ให้เกียรติคนอื่นยังไม่เคารพตัวเอง
อย่างนี้จะหวังให้ใครมาเคารพมานับถือ
แล้วสิ่งที่ได้มาแบบนี้คงจะภูมิใจเค้าน่าดู... ได้ยิน ได้เห็น แล้วก็น่าสังเวจ อนาจใจนัก

26.6.50

5 มาราธอน 5 อาทิตย์ เรื่องจิ๊บๆ (ภาค 3)


สนามที่ 2 ลานสกามาราธอน (24 มิ.ย.50) สนามนี้ใช้เส้นทางเดิมเหมือนที่ผ่านมาเช่นกัน
ครั้งนี้เป็นการวิ่งครั้งที่ 3 ทุกครั้งที่ได้มาวิ่ง สัมผัสได้ถึงการปรับปรุงพัฒนาการจัดการแข่งขันของผู้จัด ตลอดมา
มาราธอนสนามนี้ เป็นสนามที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่โดดเด่น
ด้วยความสวยงามของทิวเขาที่ล้อมรอบ และเส้นทางที่วิ่งขึ้นเขาช้างสี
สร้างความท้าทายให้กับนักวิ่งไม่ถึงกับโหดมากนัก
ปล่อยตัวเวลา 04.00 น. ขาไปอาจจะมืดไปสักหน่อยแต่ได้บรรยากาศ
ได้เห็นเห็นดาวบนท้องฟ้าสวยระยิบระยับ
วิ่งขึ้นเขาไม่ค่อยเหนื่อย เพราะยังมองไม่เห็นความชันของเส้นทาง
พอถึงจุดกลับตัวฟ้าก็สว่าง ขาย้อนกลับ นักวิ่งก็ได้เห็นบรรยากาศทิวเขาตามเส้นทางการวิ่ง
น้ำใจของคนในชุมชนที่มีให้กับนักวิ่งเกือบตลอดเส้นทาง

วันนี้ผมโดนป้าสมพิศ อ.สุดยง นักวิ่งอาวุโสที่พยายามออกแรงวิ่งสลับเดิน แซงงงงงง...ไปต่อหน้าต่อตา
ผมและ มร.ฮาจิเมะ นิชิ อยู่ปิดท้ายขบวนนักวิ่งแล้ววันนี้
พยาบาลบนรถถามเราด้วยความหวังดี “ขึ้นรถมั้ยคะ?”
คำถามแบบนี้ถามใครไม่ถาม มาถามต้นโศก
วะเหวย... มันจะดูถูกกันเกินไปหน่อยแล้ว...
แต่จะทำไงได้ล่ะ คุณนิชิบอกว่า “ผมไปได้แค่เรื่อยๆนะ รู้สึกว่าเจ็บกล้ามเนื้อบริเวณน่องแล้ว... แล้วผมก็จะเข้าเส้นชัยด้วยตัวผมเองให้ได้”
งั้นก็ไม่เป็นไร ผมก็เดินๆวิ่งๆ เป็นเพื่อนคุณ อย่างมากผิวก็สีแทนขึ้นอีกหน่อยแค่นั้นเอง...
และในที่สุดด้วยความเป็นห่วงของทีมงาน
ที่ไม่สามารถบังคับขู่เข็ญ หรือแม้กระทั่งจูงใจเราให้ใช้บริการได้สำเร็จ
เค้าก็คอยขับรถตามหลังเรามาตลอด พร้อมด้วยมอร์เตอร์ไซต์อาสาสมัครอีก สอง สามคัน
ผมละรู้สึกละอายใจจริงๆ ที่ทำให้เขาต้องมารออย่างนี้
(ถ้าผมวิ่งคนเดียวน่ะเหรอ รถพยาบาลก็รถพยาบาลเถอะรับรองตามผมไม่ทันแน่
ไม่ใช่ผมวิ่งเร็วนะครับ ต้องมีคนอื่นช้ากว่าผมแน่ อิ อิ )

เราเป็นนักวิ่งปิดท้ายสำหรับวันนี้ เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครที่ในใจคงอยากจะกลับบ้านน่าดูแล้ว
เพราะสตาร์ทตั้งแต่ตีสี่ เนี่ยมันก็เกือบจะได้เวลาฉันเพล
ทุกคนยังยืนยิ้มให้กำลังใจ ให้น้ำเรา ยังรอพวกเราอยู่ทุกจุดให้น้ำที่เราผ่านไปเมื่อเช้านี้
คำพูดเชิญชวนปีหน้ามาใหม่นะ บวกกับรอยยิ้มของทุกๆคนมันทำให้เรารู้สึกดีขึ้น สบายใจขึ้นมากเลย
ไม่เหมือนงานวิ่งบางงานที่แม้จะไม่ใช่นักวิ่งคนสุดท้ายแต่ก็ต้องมาพบมาเจอกับความว่างเปล่า
โต๊ะเปล่าๆ แก้วเปล่าๆที่ถูกทิ้งไว้ให้เห็นร่องรอยว่าก่อนหน้านี้ว่า
มีนักวิ่งผ่านมาทางนี้แล้วนับร้อย... หรือนับพัน หรือคำพูดบางคำที่ทิ่มแทงใจยิ่งนัก

ผมไปเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดให้น้ำสิ่งที่ผมต้องกระทำคือ
ยกมือทั้งสองขึ้นไหว้งามๆพร้อมกับยิ้มหวานๆที่หวังว่าพอจะช่วยบรรเทาความบันดาลโทสะ
ที่ปล่อยให้ตรูรออยู่ได้ พร้อมกล่าวคำว่า ขอบคุณมากๆนะคะที่ยังรอเราอยู่
เมื่อผ่านแต่ละจุดทุกสิ่งถูกเก็บขึ้นรถตามเราไป
ได้เวลา 07.09 เราก็เข้าสู่เส้นชัย พร้อมทั้งมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเราแม้จะโหลงเหลงไปบ้าง....
ไม่เหมือนเวลาเข้าเส้นชัยตอน 4 หรือ 5 ชม.เลย ที่ยังพอมีเสียงเชียร์แว่วๆอยู่บ้าง
บางทีก็มีนักวิ่งวุ่นสาละวนกับการรับถ้วยรางวัลให้เราแอบอิจฉาบ้างเล็กน้อย...

19.6.50

5 มาราธอน 5 อาทิตย์ติด เรื่องจิ๊บๆ (ภาค 2)

สนามที่ 1 ลากูน่าภูเก็ตมาราธอน (17 มิ.ย.50) มาราธอนสนามแรกได้เริ่มต้นแล้ว
เส้นทางเดิมเหมือนปีที่แล้วที่ผ่านมา แม้จะปรับการวิ่งตรงบริเวณกลับตัวนิดหน่อย
แต่ก็เป็นเส้นทางเดิมล้วนๆ จากจุดสตาร์ทบริเวณลากูน่า ปล่อยตัวนักวิ่งระยะมาราธอนเวลา 05.00 น.
นักวิ่งวันนี้น่าจะเป็นนักวิ่งต่างชาติเกินกว่าครึ่ง บรรยากาศเดิมๆที่ไม่ค่อยต่างไปจากปีที่แล้วมากนัก
วันนี้นอกจากผมจะมาวิ่งๆเดินๆให้ครบ 42.195 กม. ผมยังต้องทำหน้าที่ช่างภาพส่วนตัวให้เพื่อนผม ทั้งถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ ตลอดเส้นทางการแข่งขัน
เมื่อก่อนเคยเห็นพี่เขียวจังวิ่งไปถ่ายวิดีโอไป ผมคิดว่ามันคงง่ายๆเหมือนกับวิ่งไปถ่ายรูปไปแน่เลย
แต่เอาเข้าจริงๆที่ไหนได้มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย นอกจากจะต้องหยุดนิ่งเพื่อจับภาพเป็นนานสองนาน
มือยังต้องปรับซูมภาพให้นิ่งอีกด้วยซึ่งต้องใช้เวลามากกว่าการถ่ายรูปตั้งเยอะ

แค่วิ่งๆเดินๆก็เหนื่อยเหมือนกันนะ พอกิโลที่ 30 กว่าๆ เริ่มมีการ Request ขอมุมต่ำๆ
แล้วคิดดูเอาเถอะวิ่งมา 30 กว่าโลแล้วอ่ะ มันเมื่อยแข้งเมื่อยขาแค่ไหนแล้วต้องมาก้มๆเงยๆ ตะคริวมันจะกินเอา เค้าเห็นผมเป็นซุปเปอร์แมนรึไงไม่ทราบ...
แต่ดีที่วันนี้ฝนตกลงมาทำให้ไม่ร้อนมากนัก บวกกับร่างกายเต็มร้อย ก็เลยยังพอถูๆไถๆไปได้เรื่อยๆ จนเข้าสู่เส้นชัย 07.09 ชม. แม้จะใช้เวลาไปมากพอดูแต่ก็ยังมีนักวิ่งตามหลังเรามาอีก 4-5 คน

18.6.50

5 มาราธอน 5 อาทิตย์ติด เรื่องจิ๊บๆ (ภาค 1)



4 มาราธอน 4 อาทิตย์ ก็ทำมาแล้ว...นับประสาอะไรเพิ่มมาอีกแค่สนามเดียว
5 มาราธอน 5 อาทิตย์ติด เรื่องจิ๊บๆอย่างที่พี่แยมเคยว่าละครับ
แค่วิ่งอย่างเดียวมันจะง่ายเกินไปละมั้ง ก็เลยตั้งเป้าเอาไว้ว่า
ทั้ง 5 สนามจะต้องทำเวลาให้น้อยกว่าที่ผ่านๆมาซะหน่อยเพราะเกือบทุกสนามผมผ่านมันมาแทบหมดแล้ว... แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาซ้อมเพื่อรอเวลาพิสูจน์ตัวเอง...

ไม่คิดจะลงแข่ง แย่งความเป็นหนึ่ง ไม่ดึงดันกับใคร
สุดท้ายก็แค่เหนื่อย และไม่มีใครได้อะไร
สิ่งเดียวที่คิดจะแข่งขัน นั่นคือตัวของเรา
อาจจะเคยดีแล้วในวันเก่า แต่มันยังไม่พอ…

ตั้งหน้าตั้งตาซ้อมบ่อยขึ้นมาหน่อย...
จนบรรดาหนุ่มทหารเรือเริ่มจะคุ้นๆแล้วว่าแถวนี้มีสาวน่ารักผิวคล้ำหน่อยจะออกมาวิ่งตอนเย็นๆบ้างในบางวัน
บางวันก็วิ่งสวนกับบรรดาหนุ่มๆพลทหาร หรือจ่านักเรียนนายเรือ ที่ออกมาวิ่งกันเป็นขบวนให้เพลินดีเหมือนกัน...
เฮ้อ... ดูท่าว่า จบ 5 สนามนี้แล้ว สงสัยจะต้องออกมาซ้อมต่อซะแล้ว...

ในอีกไม่กี่วัน ก่อนสนามแรกจะเริ่มขึ้น เมลล์ฉบับหนึ่งได้ถูกเปิดอ่าน...
ผมจะไปวิ่งมาราธอนในเมืองไทย อยากให้คุณช่วยเป็นช่างภาพส่วนตัวให้หน่อยนะ ทั้งในงานแถลงข่าวและในสนามวิ่ง ผมอยากจะได้รูปเอาไปใช้ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ Ecomarathon: มาราธอนไม่ใช่เพียงเพื่อการแข่งขันแต่เป็นมาราธอนเพื่อสิ่งแวดล้อม (Environment) มนุษยชาติ (Humanity) และ สันติภาพ ความสงบสุข (Peace) ตามทัศนคติและมุมมองของผม- ฮาจิเมะ นิชิ
http://www.healthcorners.com/2007/article/showArticle.php?category=runinterview&id=733
http://www.ecomarathon.org

อ่านจบ... ความหวังของผม มลายไปสิ้น... เศร้าเลยเรา

เรื่องทำเวลาให้น้อยลงคงไม่ต้องคิดถึงอีกต่อไปแล้ว
ด้วยความที่สนิท รู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ผมเลยไม่กล้าที่จะปฏิเสธออกไป
อีกนัยหนึ่งผมเองก็ทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อม สนใจด้านทรัพยากรธรรมชาติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
และก็เห็นว่าแนวความคิดและทัศนคติในการวิ่งของเขาก็ดูจะเข้าท่าดีทีเดียว... ก็เลยตกลงที่จะช่วย...

เก็บเอาความผิดหวังไว้ลึกๆภายใน แม้จะต้องผิดหวังบ้างในบางครา ผมก็หวังจะได้เรียนรู้อะไรเสมอ
ชีวิตกับการวิ่งของผมไม่ได้จบแค่เพียงมาราธอน 5 สนามนี้เท่านั้น... ผมยอมก้มหน้ารับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นต่อไป... จากความว่างเปล่า ที่ไม่มีการแข่งขันกับใครโดยสิ้นเชิงหรือแม้กระทั่งตัวเอง... ผมจะได้พบอะไร

2.2.50

หัวข้อการประเมิน สนามวิ่งมาราธอนนานาชาติ (International Marathon)

สำหรับมาราธอนนานาชาติ ซึ่งได้แก่ สนามที่ใช้ชื่อ นานาชาติ และสนามที่มีศักยภาพสูง อาทิ ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ, ฐานบินกำแพงแสนนานาชาติมาราธอน, ไอเอ็นจี วัฒนธรรมไทย, ภูเก็ตนานาชาติมาราธอน, พัทยามาราธอน, สงขลานานาชาติมาราธอน, ภูเก็ตภูเขา-หาดทรายนานาชาติมาราธอน, กรุงเทพมาราธอน และ วิ่งมหาสมุทรสู่มหาสมุทร

1. สถานที่การจัดการแข่งขันและเส้นทางการวิ่ง
• บรรยากาศของสถานที่แข่งขันและเส้นทางการวิ่ง(Air, View, Space for comfortable-paced running, Sign and Stage)
• ลักษณะของเส้นทางการวิ่ง (Type of course, flat or hilly)
• ป้ายบอกทางและระยะทาง (Course markings and distance markers)
• การมีส่วนร่วมของชุมชน(Cooperation of the community and spectator support)
• จุดให้น้ำ (Number of water station)
• ห้องน้ำ(Toilet at the start area and along the course)
• ถังขยะ และการตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมของผู้จัด(Trash cans and environmental concerned)
• บริการนวดระหว่างและหลังการแข่งขัน (Massage service)

2. การจัดการเพื่อความปลอดภัยของนักวิ่ง
• รถพยาบาล และการปฐมพยาบาล (First-aids and/or ambulance)
• การปิดถนน หรือ การควบคุมจราจร(Traffic control)

3. การรับสมัคร การบริการจุดฝากของ
• ความสะดวกในการรับสมัคร รายงานตัว (Comfortable to register)
• การรับฝากของ (Baggage Deposit service)

4. การช่วยเหลือ สื่อสาร ประสานงาน การจัดงานในระดับสากล และการนำเสนอความเป็นไทยในระดับสากล
• การติดต่อ สื่อสาร ประสานงาน ด้วยภาษาสากล (Well communication and response foreign runner)
• การนำเสนอภาพลักษณ์ความเป็นไทย(Thai cultural show)
• การให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับนักวิ่งต่างชาติที่เข้าร่วมการแข่งขัน (Course inspection or free excursion and/or course map with the elevation profile)

5. วัตถุประสงค์และความเหมาะสมของค่าสมัคร
• วัตถุประสงค์และค่าสมัครที่สมเหตุสมผล (Suitable and reasonable entry fee)
• มีค่าสมัครสำหรับนักเรียนหรือเยาวชน เพื่อรณรงค์ให้เยาวชนมาออกกำลังกายมากขึ้น (Encourage and inspire youth to join)

6. อาหารและเครื่องดื่มสำหรับการแข่งขัน
• ปริมาณ (Quantity)
• คุณภาพ (Quality)
• เกลือแร่ และผลไม้(Fluids, mineral, sport drink and fruits at water stations)

7. ความสะดวกในการเดินทาง หรือที่จอดรถและความปลอดภัยในทรัพย์สินของนักวิ่ง
• ความสะดวกในการเดินทาง ที่จอดรถ หรือ รถบริการรับ-ส่งนักวิ่ง และที่พัก (Transportation, parking and accommodation)
• ความปลอดภัยในทรัพย์สินของผู้ร่วมการแข่งขัน (Security)

8. การประสานงาน ประชาสัมพันธ์ และให้บริการด้านข้อมูลข่าวสารแก่นักวิ่ง
• การให้บริการข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆแก่นักวิ่ง(Provide other related information)
• การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ในระยะเวลาที่เหมาะสม (Public relation)

9. สิ่งที่บ่งชี้ความสำเร็จของนักวิ่งมาราธอน
• ประกาศนียบัตร (Finisher certificate)
• เสื้อผู้สำเร็จ (Finisher t-shirt)
• ผลการแข่งขันอย่างเป็นทางการ (Event result)
• ภาพถ่ายระหว่างการแข่งขัน หรือขณะเข้าสู่เส้นชย (Proof photos on the course and/or at finish line to purchase)

10. ความเท่าเทียมและเปิดโอกาสให้นักวิ่งได้มีโอกาสประสบความสำเร็จสักครั้งในการวิ่งมาราธอน
• การแบ่งชุดการปล่อยตัวสำหรับนักวิ่งที่วิ่งช้า (Early start for slow runner or jogger)
• การดูแลนักวิ่งนักวิ่งคนสุดท้าย ซึ่งอยู่ในระยะเวลาที่กำหนด (Waiting for until last runner with qualified time)

11. คุณภาพและความสวยงามของเหรียญที่ระลึก หรือถ้วยรางวัล หรือของที่ระลึกต่างๆ
(Design, material and quality of medal, trophy, t-shirt and etc.)

Remark: 2nd edition 2007

หัวข้อการประเมิน สนามวิ่งมาราธอนทั่วไป (Local Marathon)

สำหรับสนามมาราธอนทั่วๆไปซึ่งได้แก่ จอมบึงมาราธอน, ม.ราชภัฎเพชรบุรีมาราธอน, สิชลมาราธอน, สงกรานต์มาราธอน, หนองคายมาราธอน, เขื่อนคลองท่าด่านมาราธอน, ลานสกามาราธอน, ชอนตะวันมาราธอน, สุรินทร์มาราธอน, นครพนมมาราธอน, พนมรุ้งมาราธอน, แพร่มาราธอน, เชียงใหม่มาราธอน เป็นต้น หัวข้อการประเมินจะมีความใกล้เคียงกับมาราธอนนานาชาติ แต่จะมีบ้างหัวข้อที่ถูกตัดออกไปทั้งนี้เนื่องจากผู้จัดจะเน้นไปที่นักวิ่งในประเทศเป็นหลัก ดังนั้นหัวข้อการประเมินมีดังต่อไปนี้

1. สถานที่การจัดการแข่งขันและเส้นทางการวิ่ง
• บรรยากาศของสถานที่แข่งขันและเส้นทางการวิ่ง( Air, View, Space for comfortable-paced running, Sign and Stage)
• ลักษณะของเส้นทางการวิ่ง (Type of course, flat or hilly)
• ป้ายบอกทางและระยะทาง (Course markings and distance markers)
• การมีส่วนร่วมของชุมชน (Cooperation of the community and spectator support)
• จุดให้น้ำ (Number of water station)
• ห้องน้ำ (Toilet at the start area and along the course)
• ถังขยะ และการตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมของผู้จัด (Trash cans and environmental concerned)
• บริการนวดระหว่างและหลังการแข่งขัน (Massage service)

2. การจัดการเพื่อความปลอดภัยของนักวิ่ง
• รถพยาบาล และการปฐมพยาบาล (First-aids and/or ambulance)
• การปิดถนน หรือ การควบคุมจราจร(Traffic control)

3. การรับสมัคร การบริการจุดฝากของ
• ความสะดวกในการรับสมัคร รายงานตัว (Comfortable to register)
• การรับฝากของ (Baggage Deposit service)

4. อาหารและเครื่องดื่มสำหรับการแข่งขัน
• ปริมาณ (Quantity)
• คุณภาพ (Quality)
• เกลือแร่ และผลไม้(Fluids, mineral, sport drink and fruits at water stations)

5. วัตถุประสงค์และความเหมาะสมของค่าสมัคร
• วัตถุประสงค์และค่าสมัครที่สมเหตุสมผล (Suitable and reasonable entry fee)
• มีค่าสมัครสำหรับนักเรียนหรือเยาวชน เพื่อรณรงค์ให้เยาวชนมาออกกำลังกายมากขึ้น (Encourage and inspire youth to join)

6. ความสะดวกในการเดินทาง หรือที่จอดรถ และความปลอดภัยในทรัพย์สินของนักวิ่ง
• ความสะดวกในการเดินทาง ที่จอดรถ หรือ รถบริการรับ-ส่งนักวิ่ง และที่พัก (Transportation, parking and accommodation)
• ความปลอดภัยในทรัพย์สินของผู้ร่วมการแข่งขัน (Security)

7. การประสานงาน ประชาสัมพันธ์ และให้บริการด้านข้อมูลข่าวสารแก่นักวิ่ง
• การให้บริการข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆแก่นักวิ่ง(Provide other related information)
• การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ในระยะเวลาที่เหมาะสม (Public relation)

8. สิ่งที่บ่งชี้ความสำเร็จของนักวิ่งมาราธอน
• ประกาศนียบัตร (Finisher certificate)
• เสื้อผู้สำเร็จ (Finisher t-shirt)
• ผลการแข่งขันอย่างเป็นทางการ (Event result)
• ภาพถ่ายระหว่างการแข่งขัน หรือขณะเข้าสู่เส้นชย (Proof photos on the course and/or at finish line to purchase)

9. ความเท่าเทียมและเปิดโอกาสให้นักวิ่งได้มีโอกาสประสบความสำเร็จสักครั้งในการวิ่งมาราธอน
• การแบ่งชุดการปล่อยตัวสำหรับนักวิ่งที่วิ่งช้า (Early start for slow runner or jogger)
• การดูแลนักวิ่งนักวิ่งคนสุดท้าย ซึ่งอยู่ในระยะเวลาที่กำหนด (Waiting for last runner with qualified time)

10. คุณภาพและความสวยงามของเหรียญที่ระลึก หรือถ้วยรางวัล หรือของที่ระลึกต่างๆ
(Design, material and quality of medal, trophy, t-shirt and etc.)

Remark: 2nd edition 2007

หัวข้อในการประเมิน สนามวิ่งมินิ-ฮาล์ฟมาราธอน (Mini-Half Marathon)

1. สถานที่การจัดการแข่งขันและเส้นทางการวิ่ง
• บรรยากาศของสถานที่แข่งขันและเส้นทางการวิ่ง( Air, View, Space for comfortable-paced running, Sign and Stage)
• ลักษณะของเส้นทางการวิ่ง (Type of course, flat or hilly)
• ป้ายบอกทางและระยะทาง (Course markings and distance markers)
• การมีส่วนร่วมของชุมชน (Cooperation of the community and spectator support)
• จุดให้น้ำ (Number of water station)• ห้องน้ำ (Toilet at the start area and along the course)
• ถังขยะ และการตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมของผู้จัด (Trash cans and environmental concerned)

2. การจัดการเพื่อความปลอดภัยของนักวิ่ง
• รถพยาบาล และการปฐมพยาบาล (First-aids and/or ambulance)
• การปิดถนน หรือ การควบคุมจราจร(Traffic control)

3. การรับสมัคร การบริการจุดฝากของ
• ความสะดวกในการรับสมัคร รายงานตัว (Comfortable to register)
• การรับฝากของ (Baggage Deposit service)

4. วัตถุประสงค์และความเหมาะสมของค่าสมัคร
• วัตถุประสงค์และค่าสมัครที่สมเหตุสมผล (Suitable and reasonable entry fee)
• มีค่าสมัครสำหรับนักเรียนหรือเยาวชน เพื่อรณรงค์ให้เยาวชนมาออกกำลังกายมากขึ้น (Encourage and inspire youth to join)

5. อาหารและเครื่องดื่มสำหรับการแข่งขัน

• ปริมาณ (Quantity)
• คุณภาพ (Quality)

6. ความสะดวกในการเดินทาง หรือที่จอดรถ และความปลอดภัยในทรัพย์สินของนักวิ่ง
• ความสะดวกในการเดินทาง ที่จอดรถ หรือ รถบริการรับ-ส่งนักวิ่ง และที่พัก (Transportation, parking and accommodation)
• ความปลอดภัยในทรัพย์สินของผู้ร่วมการแข่งขัน (Security)

7. การประสานงาน ประชาสัมพันธ์ และให้บริการด้านข้อมูลข่าวสารแก่นักวิ่ง
• การให้บริการข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆแก่นักวิ่ง (Provide other related information)
• การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ในระยะเวลาที่เหมาะสม (Public relation)

8. คุณภาพและความสวยงามของเหรียญที่ระลึก หรือถ้วยรางวัล หรือของที่ระลึกต่างๆ
(Design, material and quality of medal, trophy, t-shirt and etc.)

Remark: 1st Version 2005

18.9.49

ฉลองทรงครองราชย์ 60 ปี “สนุก” เสือภูเขา-วิ่งมาราธอน อนุสรณ์สถานฯ ภูพานน้อย ครั้งที่ 1

ฉลองทรงครองราชย์ 60 ปี “สนุก” เสือภูเขา-วิ่งมาราธอน อนุสรณ์สถานฯ ภูพานน้อย ครั้งที่ 1
ณ อนุสรณ์สถานฯ ภูพานน้อย ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม
วันที่ 17 กันยายน 2549
สรุปผลการประเมิน TRES: 61 คะแนน

เส้นทางการเดิน-วิ่ง: สำหรับสนามนี้มีการแข่งขันทั้งสิ้น 3 ระยะ 10 21 และ 42.195 เส้นทางการแข่งขันวิ่งไป-กลับบนไหล่ถนนทั้ง 3 ระยะ โดยสตาร์ทจากหน้าอนุสรณ์สถานฯ ภูพานน้อย วิ่งออกไปทางเมืองนครพนม ซึ่งในระยะมาราธอนจะผ่าน อ.นาแก และไปกลับตัวบริเวณหน้าตลาดนัดโค-กระบือ เส้นทางโดยส่วนใหญ่ก็เป็นทางเรียบลาดยาง ยกเว้นช่วง 1.5 กิโลแรก และ กิโลสุดท้าย ที่เป็นเนิน ขาไปก็วิ่งลงเนิน ส่วนเที่ยวกลับเข้าสู่เส้นชัยต้องวิ่งขึ้นเนิน บรรยากาศระหว่างเส้นทางการแข่งขันมีลักษณะใกล้เคียงกันกับ นครพนมมาราธอน ซึ่งปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 1 ต.ค. ไม่รู้ว่าโชคดีของนักวิ่งในงานนี้หรือเปล่า เพราะช่วงประมาณ กม. ที่ 16 ถึง ราวๆ 24 มีฝนตกลงมาอย่างหนัก นักวิ่งก็ชุ่มฉ่ำกันเกือบถ้วนหน้า ยกเว้นแนวหน้าไม่กี่ท่านที่เกือบจะไม่ได้สัมผัส แต่หากฝนไม่ตก บอกได้เลยว่าสนามนี้ต้องร้อนเอามากๆเพราะริมไหล่ถนนแทบไม่มีเงาไม้มากนัก สำหรับน้ำในเส้นทางการแข่งขัน ครั้งแรกผู้จัดประกาศว่ามีทุกๆ 5 กิโล นักวิ่งมาราธอนอย่างเราเศร้าเลย แต่โชคดีที่หน่วยงานในชุมชนมาคอยตั้งจุดให้น้ำ โดยรวมแล้วก็มีน้ำครบทุก 2.5 กิโล แม้ว่าเส้นทางการแข่งขันจะไม่ได้ปิดสนิท แต่ว่าก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและอพปร. ของชุมชนให้การดูแลนักวิ่งเป็นอย่างดี

คำแนะนำสำหรับผู้จัด: เนื่องจากการจัดการแข่งขันครั้งนี้เป็นการจัดขึ้นครั้งแรก นอกจากนั้นยังดูผู้จัดยังอ่อนประสพการ์ณค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงส่งผลให้การแข่งขันในครั้งนี้ไม่พร้อมเท่าที่ควร แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ได้เริ่มต้น และหวังว่าการประเมินผลในครั้งนี้จะเป็นแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงการจัดการแข่งขันในครั้งต่อๆไป ปกติการจัดวิ่งระยะมาราธอนก็เป็นเรื่องที่ยากพอสมควรอยู่ ถ้าไม่แน่จริงก็ไม่มีผู้จัดรายใดจัดวิ่งระยะนี้ ส่วนใหญ่ก็จัดเพียง 10 กม. หรือ 21 กม. เป็นต้น ดังนั้นการจัดวิ่งระยะมาราธอนผู้จัดต้องมีความพร้อมและศักยภาพพอสมควร และงานนี้นอกจากผู้จัดจะจัดวิ่งมาราธอน ยังมีการจัดแข่งขันเสือภูเขาในวันเดียวกันอีกด้วย การจัด 2 กิจกรรมในวันเดียวเรียกว่าผู้จัดต้องมีความพร้อมและทีมงานที่ดีมากๆ จากที่ได้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ประเด็นสำคัญที่อยากแนะนำให้ผู้จัดได้นำไปพิจารณาและปรับปรุง ประการแรก คือ การประชาสัมพันธ์เพื่อให้นักวิ่งได้รับทราบข้อมูล ข่าวสาร และรายละเอียดที่ชัดเจนของงาน โดยทั่วกัน ซึ่งรวมไปถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน การจัดการแข่งขัน เพื่อนักวิ่งจะได้ประเมินตนเองในการเข้าร่วมแข่งขัน และในการจัดวิ่งระยะมาราธอนผู้จัดควรประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อนักวิ่งจะได้เตรียมตัวและฝึกซ้อมสำหรับการลงแข่งขัน การประชาสัมพันธ์ก็มีหลายรูปแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับกิจกรรมเช่นนี้ นั่นคือ โบรชัวร์หรือแผ่นพับของงาน ซึ่งต้องแจกแจงรายละเอียดให้ชัดเจน เพราะโดยส่วนใหญ่นักวิ่งจะยึดเอาเอกสารนี้เป็นสำคัญ และเป็นการยืนยันว่าจะมีการจัดการแข่งขันขึ้นจริง

ประเด็นถัดมาคือ ระบบการรับสมัคร รายงานตัว และรับรางวัล ในการแข่งขันครั้งนี้จะเห็นว่า การรับสมัครวิ่ง รายงานตัว และรับรางวัล ยังไม่เป็นระบบเท่าที่ควร จะเห็นได้ว่าช่วงรับเงินรางวัล มีนักวิ่งบางท่านเวียนเทียนเข้ามารับเงินรางวัล ทำให้เป็นผลเสียกับผู้จัดเอง เนื่องจากในทุกสังคมย่อมมีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันอยู่ ในกลุ่มนักวิ่งก็เช่นกันใบหน้าหรือความเก่งกาจไม่ใช่เครื่องประการันตีว่าเค้าจะเป็นคนดีเสมอ
ประเด็นที่ 3 เรื่องความปลอดภัยของนักวิ่งบนเส้นทางการแข่งขัน ระหว่างการแข่งขันในระยะมาราธอนถือว่าเป็นระยะที่นักวิ่งเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายมากว่าระยะอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอันตรายจากภายนอกใยนเส้นทางการแข่งขัน และ อันตรายของระบบภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการขาดน้ำ ขาดน้ำตาล ขาดเกลือแร่ ความร้อน ตะคริว และอื่นๆ ดังนั้นรถพยายาลมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ควรมีรถพยาบาลเตรียมพร้อมอยู่ในเส้นทางการแข่งขันเสมอ ในการแข่งขันครั้งนี้ไม่มีเหตุการ์ณที่ร้ายแรงเกิดขึ้นอาจเนื่องมาจากจำนวนนักวิ่งที่มีน้อย และส่วนใหญ่เป็นนักวิ่งที่วิ่งมาราธอนกันประจำ ทำให้นักวิ่งรู้จักรักษาและระวังความปลอดภัยของตนเองได้ แต่หากเป็นนักวิ่งน้องใหม่ที่อยากลงมาราธอนความไม่พร้อมในเรื่องนี้ อาจทำให้เกิดผลเสียต่อการแข่งขันได้เช่นกัน

อีกประเด็นที่อยากฝากไว้ คือ เรื่องอาหารและเครื่องดื่มหลังจากการแข่งขัน ผู้จัดอาจมองข้ามไป แต่สำหรับนักวิ่งมาราธอนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่ง เพราะเนื่องจากหลังจากที่นักวิ่งเริ่มปล่อยตัวออกไป ตั้งแต่ 04.00 น. กว่าจะเข้าสู่เส้นชัย ใช้เวลาวิ่ง 3-6 ชม. ซึ่งระหว่างเส้นทางไม่ได้ทานอะไรเข้าไป นอกจากน้ำและเกลือแร่ ดังนั้นนักวิ่งเสียเหงื่อและพลังงานไปมากพอสมควร เข้าเส้นชัยค่อนข้างที่จะเหนื่อยพอสมควร โดยเฉพาะนักวิ่งระยะ 42 กิโล ดังนั้นนักวิ่งต้องการอาหารเพื่อเข้าไปทดแทนพลังงานที่สูญเสียไปบ้าง เล็กๆน้อยๆก็ยังดี

ยังมีอีกหลายประเด็นที่อยากแนะนำแต่กลัวผู้จัดเข้ามาอ่านแล้วจะเสียกำลังใจไปซะก่อน เอาข้อดีมาพูดให้ฟังเป็นกำลังใจให้ผู้จัดบ้าง ปีหน้าจะได้จัดอีกดีกว่า สิ่งที่ประทับใจสำหรับงานนี้ คงจะเป็น ความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจของเจ้าหน้าที่ ประชาชน หน่วยงาน องค์กรในชุมชน และชุมชนใกล้เคียง ซึ่งจะเห็นได้ว่า การแข่งขันผู้จัดให้น้ำอย่างเป็นทางการ 3 จุด แต่อีกหลายๆจุดเป็นของหน่วยงาน อบต. หลายๆ อบต. ถือว่าเป็นการร่วมมือที่ช่วยให้งานนี้เป็นงานวิ่งที่น่าประทับใจเป็นอย่างมากประเด็นที่ 2 เรื่องที่พัก เนื่องจากบริเวณการจัดการแข่งขันมีโรงแรมที่พักที่ห่างออกไปพอสมควร นักวิ่งต่างถิ่นจากแดนไกล มาช่วงค่ำหาที่พักลำบาก ทางผู้จัดเตรียมที่พักฟรี กางเตนท์พร้อมเครื่องนอนฟรีแก่นักวิ่ง ถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้นักวิ่งได้เป็นอย่างดี ประเด็นที่ 3 ความตั้งใจจริงของผู้จัดที่จะสนับสนุนให้คนสนใจมาออกกำลังกายด้วยการจัดการแข่งขันทั้งวิ่ง และจักรยานเสือภูเขา หากผู้จัดยังคงยืนหยัดและตั้งใจจริงเช่นนี้ต่อไป และมีศักยภาพพอที่จะจัดทั้งมาราธอนและเสือภูเขา ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมากๆ นอกจากนั้นผู้จัดยังช่วยรณรงค์และส่งเสริมให้เยาวชนสนใจมาร่วมกิจกรรมมากขึ้น โดยสังเกตได้จากการแบ่งกลุ่มอายุการแข่งขัน ถือว่าเป็นการกระตุ้นและให้โอกาสกับเยาวชนมากยิ่งขึ้น แต่อาจจะด้วยความมือใหม่ทำให้ถ้วยและรางวัลการแข่งขันในบางรุ่นไม่ได้ถูกแจกออกไป ก็เป็นที่น่าเสียดาย และสุดท้าย การจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนในครั้งนี้ ผู้ประเมินไม่ได้มีอคติต่อผู้จัดแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการให้ผลการประเมินในครั้งนี้ได้ถูกนำไปพัฒนาและปรับปรุงการแข่งขันในครั้งต่อๆไปให้ดีขึ้นเพื่อประโยชน์ต่อผู้จัดและจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อสังคม และหากผู้จัดยังไม่ตัดใจซะก่อนก็ขอเป็นกำลังใจให้ และยินดีไปร่วมการแข่งขันครั้งที่ 2 แน่นอน...

คำแนะนำสำหรับนักวิ่ง:
สำหรับสนามนี้เป็นสนามมาราธอนที่วิ่งไม่ยากมากนัก แต่สิ่งที่นักวิ่งต้องเตรียมตัวรับมือนั่นก็คือแสงแดดและความร้อน แม้อากาศจะไม่ร้อนเหมือนสนามไอเอ็นจี หรือสงกรานต์มาราธอน แต่เส้นทางที่วิ่งตามไหล่ถนนไม่ค่อยมีเงาไม้ให้หลบนะจ๊ะ

19.6.49

ภูเก็ตนานาชาติมาราธอน ครั้งที่ 1

ภูเก็ตนานาชาติมาราธอน ครั้งที่ 1
อาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน 2549
ณ ลากูน่า รีสอร์ท จ.ภูเก็ต
สรุปผลการประเมิน TRES: 83 คะแนน

เส้นทางการเดิน-วิ่ง: สำหรับเส้นทางการแข่งขันภูเก็ตนานาชาติมาราธอน ครั้งที่ 1 นี้ เส้นทางประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์เป็นถนนราดยาง จะมีบางส่วนที่เป็นถนนลูกรังและคอนกรีต เส้นทางเป็นทางเรียบบวกเนินประมาณ 4-5 ลูก ที่พอจะตัดกำลังนักวิ่งได้ไม่น้อยทีเดียว การแข่งขันระยะมาราธอนเริ่มจากจุดปล่อยตัวลากูน่า วิ่งขึ้นไปทางทิศเหนือไปถึงอุทยานแห่งชาติสิรินาถวิ่งเรียบหาดไนยาง 2 กิโล แล้วย้อมกลับลงมาเส้นทางเดิม พอมาถึงกิโลที่ 35 วิ่งอ้อมเข้าไปหาดลายัน แล้ววิ่งเรียบหาดลงมาเรื่อยๆเพื่อกลับเข้าสู่เส้นชัยที่ลากูน่า เส้นทางการวิ่งบรรยากาศดีเป็นธรรมชาติสมเป็นเมืองท่องเที่ยว มีทั้งสวนยาง สวนผลไม้ ตลอดเส้นทางการแข่งขัน แม้ว่าอากาศจะร้อนบ้างแต่เกือบตลอดทางก็มีเงาไม้ให้หลบแดด ระหว่างเส้นทางการแข่งขันมีป้ายบอกระยะทุกๆ 1 กิโลเมตร และจุดให้น้ำทุกๆ 2.5 กิโลเมตร น้ำไม่ขาดส่วนในช่วงหลังๆ ผู้จัดมีน้ำให้เกือบทุกๆ 1 กิโลและดูแลจนนักวิ่งคนสุดท้ายเข้าสู่เส้นชัย

คำแนะนำสำหรับนักวิ่ง: สำหรับสนามนี้เป็นสนามที่ไม่ยากนักสำหรับนักวิ่งที่ผ่านมาราธอนมาบ้างแล้ว แต่สำหรับฝีเท้าใหม่ที่ลงมาราธอนในระยะแรกควรฝึกซ้อมการขึ้นและลงเนินมาบ้างพอสมควร ความยากของสนามนี้ไม่เหมาะที่จะใช้ลงเป็นมาราธอนแรก แต่หากคุณคิดว่าคุณพร้อมและซ้อมมาดีพอสนามนี้ก็ไม่ยากนัก และเส้นทางก็ไม่น่าเบื่อ มีทั้งเป็นเขา เนิน ชายหาด และสิ่งหนึ่งที่อยากแนะนำสำหรับนักวิ่งไทย เนื่องจากสนามนี้จัดในส่วนของพื้นที่เอกชนบวกกับความเป็นเมืองท่องเที่ยว ทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับสนามนี้ค่อนข้างสูงพอดู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทาง ที่พักและอื่นๆ ดังนั้นนักวิ่งที่สนใจสนามนี้คงต้องยอมรับกับสนนราคาค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น แนวทางการประหยัดค่าใช้จ่ายบางส่วนสำหรับสนามนี้ คือการเดินทางร่วมกันเป็นกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเล็ก หรือกลุ่มใหญ่ แล้วเหมารถตู้ตลอดทริปการเดินทางจะช่วยให้นักวิ่งประหยัดได้มากทีเดียว

คำแนะนำสำหรับผู้จัด: มาราธอนสนามนี้ปล่อยตัวเวลา 05.00 น. ถือว่าเป็นการปล่อยตัวที่ค่อนข้างสายสำหรับมาราธอนเมืองไทย แต่ว่าเพื่อให้นักวิ่งได้สัมผัสกับบรรยากาศเมืองภูเก็ตมายิ่งขึ้นการปล่อยตัว 05.00 น. สำหรับสนามนี้ก็ถือว่ายอมรับได้ แต่ผู้จัดคงต้องระมัดระวังเรื่องจุดให้น้ำเป็นพิเศษ และสำหรับการจัดครั้งแรกสำหรับสนามภูเก็ตนานาชาติมาราธอน ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีมากของสนามนี้ จุดให้น้ำมีน้ำเพียงพอ มีเครื่องดื่มเกเตอเรทและผลไม้บ้าง หากยังคงรักษาคุณภาพไว้ได้เช่นนี้ มาราธอนนานาชาติสนามนี้จะเรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวนอกภูมิภาคเอเชียได้อีกไม่น้อยทีเดียว และขอเป็นกำลังใจให้ผู้จัดได้มีกำลัง แรงใจในการจัดสนามภูเก็ตนานาชาติมาราธอนครั้งที่ 2 และครั้งต่อๆไป

12.6.49

ลานสกามาราธอน 2549

ลานสกามาราธอน 2549
ณ อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช
อาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน 2549
สรุปผลการประเมิน TRES: 80 คะแนน

เส้นทางการเดิน-วิ่ง: ลานสกามาราธอนครั้งนี้เป็นการจัดขึ้นครั้งที่ 2 จากครั้งแรกได้คะแนนการประเมินไปเพียง 76 คะแนน ครั้งนี้ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงได้คะแนนเพิ่มขึ้นมาถึง 80 คะแนน ตอนนี้ลานสกามาราธอนเป็นสนามมาราธอนอีกสนามที่นักวิ่งน่าไปวิ่งมาก เส้นทางการแข่งขันทั้ง 10 กม. และ 42 กม. เรียกว่าเป็นเส้นทางเดิมที่ปล่อยตัวออกจากที่ว่าการอ.ลานสกา วิ่งออกไปทาง อ.ร่อนพิบูลย์ และกลับตัวที่สามแยกบ้านศาลาแขกหลัก กม.ที่ 19 เป็นเส้นทางที่สวยงามและท้าทาย เส้นทางเป็นเขาให้วิ่งข้ามกันเป็นลูกๆ เนินพัทยาต้องเรียกว่าเด็กๆ... แต่ถึงแม้จะต้องวิ่งข้ามเขาโดยเฉพาะเขาช้างสี ลานสกามาราธอนก็ยังเป็นมาราธอนที่ดูจะไม่โหดร้ายเท่าพัทยามาราธอนอยู่ดี สนามนี้ก็ยังคงต้องยืนยันว่าเป็นสนามที่เอาสนามพัทยามารวมกับบรรยากาศจอมบึง และหากนักวิ่งอยากรู้ว่าพัทยาบวกกับจอมบึงจะออกมาสภาพไหนคงต้องไปสัมผัสกันสักครั้งแล้วจะติดใจ

คำแนะนำสำหรับนักวิ่ง: สนามนี้คงไม่มีคำแนะนำอะไรเพิ่มเติมจากครั้งที่แล้วเพราะเส้นทางและการจัดงานยังคงคุณภาพดีๆเหมือนที่ผ่านมา อยากแนะนำเพียงว่าสนามมาราธอนนี้เป็นสนามที่นักวิ่ง หรือมนุษย์มาราธอนทั้งหลายควรมาสัมผัสกันสักครั้ง เป็นสนามที่เพรียบพร้อมด้วยบรรยากาศของการพักผ่อน น้ำใจงามๆ กำลังใจดีๆ มากมายก่ายกอง จากพ่อแม่พี่น้อง ชาวบ้านในชุมชน หากนักวิ่งท่านใดสนใจจะลองลงมาราธอนที่ท้าทายมากๆ สักครั้งในชีวิต เรียกว่า สนามนี้ก็เป็นสนามที่ท้าทายไม่ใช่เล่น แต่หากผึกซ้อมวิ่งขี้น-ลงเขากันมาบ้างก็จะดี

คำแนะนำสำหรับผู้จัด: เป็นการจัดวิ่งมาราธอนเป็นครั้งที่สอง จุดบกพร่องจากการจัดงานในครั้งแรกได้ถูกปรับปรุงแก้ไขได้ดีมากขึ้น หากผู้จัดยังคงรักษามาตรฐานและคุณภาพดีอย่างนี้ไว้ได้ต่อไป รับรองว่า ลานสกามาราธอน ก็คงเป็นอีกมาราธอนที่นักวิ่งจะให้ความนิยมไม่น้อยกว่าจอมบึงมาราธอนเลยทีเดียว และหากมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆมากยิ่งขึ้น น่าจะเป็นมาราธอนระดับประเทศได้อีกสนามแต่ผู้จัดคงต้องใช้เวลาเป็นการพิสูจน์รวมทั้งการสนับสนุนจากองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนมากยิ่งขึ้น ก็ขอเป็นกำลังให้ผู้จัดลานสกามาราธอนมีแรงมีกำลังใจต่อไป

4.6.49

เขื่อนคลองท่าด่านมาราธอน ครั้งที่ 1

เขื่อนคลองท่าด่านมาราธอน ครั้งที่ 1
อาทิตย์ ที่ 4 มิถุนายน 2549
ณ เขื่อนคลองท่าด่าน จ.นครนายก
สรุปผลการประเมิน TRES: 70 คะแนน

เส้นทางการเดิน-วิ่ง: เส้นทางการแข่งขันระยะมาราธอน 42.195 ของเขื่อนคลองท่าด่านมาราธอน ครั้งที่ 1 ได้เริ่มขึ้น ณ บริเวณวงเวียนหน้าสันเขื่อนฯ แล้ววิ่งออกมาสู่ถนนนครนายก-นางรอง ผ่านสี่แยกประชาเกษม เข้าสู่หมู่บ้านขาม ผ่านวัดบุหย่อง วัดเขาทุเรียน วัดกุดตะเคียน วัดเขาน้อย และกลับเข้าสู่เส้นชัย ณ จุดสตาร์ทอีกครั้ง เส้นทางการแข่งขันในครั้งนี้ถือว่าเป็นเส้นทางที่สวยงามมากทีเดียว บรรยากาศของธรรมชาติท้องทุ่งนา ขุนเขา อากาศก็สดชื่นไม่ร้อนมากนัก มีฝนพรำลงมาในบางจุด เส้นทางวิ่งก็ไม่ยากจนเกินไปนัก เพราะเส้นทางโดยส่วนใหญ่เป็นทางเรียบ มีเนินบ้างเล็กน้อยซึ่งไม่สูงชันมากนัก ดังนั้นนักวิ่งมาราธอนหน้าใหม่หรือผู้ที่สนใจจะลงมาราธอนเป็นครั้งแรกสนามนี้ก็ไม่เลวทีเดียว เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการใช้เวลาบนเส้นทางการวิ่งนานๆ

คำแนะนำสำหรับนักวิ่ง: สำหรับสนามนี้เชื่อว่าหากนักวิ่งที่สนใจจะลงมาราธอนและฝึกซ้อมมาบ้าง สนามนี้ก็ไม่ยากที่จะผ่านเข้าสู่เส้นชัย นอกจากนั้นสนามนี้ยังเป็นสนามที่มีแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงมากมาย หากวิ่งเสร็จแล้วนักวิ่งยังสามารถอยู่เที่ยวต่อกันได้ ก็ถือว่าเป็นการใช้วันหยุดเพื่อการพักผ่อนได้สุดคุ้มทีเดียว

คำแนะนำสำหรับผู้จัด: สำหรับสนามนี้อยากบอกว่าเส้นทางการแข่งขันและสถานที่การจัดงานถือว่าเป็นมนต์เสน่ห์ที่เรียกจะนักวิ่งได้ไม่น้อยทีเดียวในอนาคต แม้ว่าเส้นทางการวิ่งจะสวยงาม บรรยากาศจะดีเพียงไหน แต่หากผู้จัดยังคงละเลยไม่เห็นความสำคัญในสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักวิ่ง อาทิเช่น น้ำ ห้องน้ำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ผลการประเมินมีคะแนนออกมาไม่ดีสักเท่าไหร่นัก ครั้งนี้เป็นการจัดครั้งแรก ก็หวังว่าการจัดการแข่งขันในครั้งต่อๆไป ผู้จัดคงมีการพัฒนาและปรับปรุงในจุดบกพร่องที่ผ่านมาในครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำที่บริการตามจุดให้น้ำ น้ำและน้ำแข็งหลังจากนักวิ่งเข้าสู่เส้นชัยซึ่งนักวิ่งต้องการเอาไว้คูลดาวน์ ห้องน้ำบริการซึ่งหาเข้าลำบาก และนอกจากนั้นยังรวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ที่เร่งด่วนเกินไป สำหรับการวิ่งระยะมาราธอนแล้วการประชาสัมพันธ์ในระยะเวลาสั้นๆ นักวิ่งไม่ทันได้เตรียมตัวหรือฟิตซ้อมร่างกาย ซึ่งจะส่งผลทำให้นักวิ่งเข้าร่วมงานการแข่งขันในระยะนี้ไม่มากนัก และเนื่องจากบริเวณการแข่งขันยังมีการก่อสร้างซึ่งยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดีนัก ทำให้การจัดงานและการเตรียมการอาจจะขลุกขลัก ลุ่มๆดอนๆไปบ้าง หากการก่อสร้างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ก็หวังว่าหลายๆปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะบรรเทาลงไปได้บ้าง
สุดท้าย ในอนาคตเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้คงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของ จ.นครนายก ดังนั้นการจัดกิจกรรมต่างในพื้นที่แห่งนี้ควรคำนึงและตระหนักถึงการอนุรักษ์และรักษาสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงขยะที่จะเกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรมต่างๆ ณ ปัจจุบันตามเส้นทางการแข่งขันจะพบว่าค่อนข้างหาถังขยะยากพอสมควร ดังนั้นเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของสถานที่แห่งนี้ ทางผู้จัดและสำนักงานจังหวัดควรมีนโยบายหรือแผนงานรองรับตรงจุดนี้ด้วยเช่นกัน และหวังว่าในอนาคต มาราธอนสนามนี้ซึ่งเป็นเส้นทางธรรมชาติบวกกับการจัดงานที่พัฒนาและปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องจากครั้งนี้ จะส่งผลให้เขื่อนคลองท่าด่านมาราธอนเป็นสนามมาราธอนที่นักวิ่งสนใจเข้าร่วมการแข่งขันมากขึ้น

14.5.49

ไทย-ลาว (หนองคาย) มาราธอน

ไทย-ลาว (หนองคาย) มาราธอน
อาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2549
ณ อนุเสาวรีย์ปราบฮ่อ จ.หนองคาย
สรุปผลการประเมิน TRES: 75 คะแนน ใช้ได้ เกือบดี

เส้นทางการเดิน-วิ่ง: หนองคายมาราธอนปีนี้ปล่อยตัวเวลา 04.00 น. เส้นทางการแข่งขันสำหรับมาราธอนออกสตาร์ทจากอนุสาวรีย์ปราบฮ่อ เลี้ยวไปเชิงสะพานมิตรภาพไทย-ลาว วิ่งย้อนกลับมาผ่านหน้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองบคาย เลี้ยงขวามาทางอุดรฯ กลับตัว กม. ที่15 แล้วย้อนกลับเข้าตัวเมืองหนองคาย เส้นทางการแข่งขันโดยส่วนใหญ่วิ่งบนไหล่ถนนลาดยางมีเนินสลับกับทางเรียบ การควบคุมการจราจรค่อนข้างดี ตามไหล่ทางก็ไม่มีเงาร่มไม้ให้หลบงานนี้ระยะมาราธอนก็วิ่งตากแดดเป็นเนื้อแดดเดียวกันไป ระหว่างเส้นทางการแข่งขันจุดให้น้ำมีบริการน้ำเย็นตลอด น้ำไม่มีขาด ส่วนที่ขาดก็คงจะเป็นป้ายบอกระยะที่บอกระยะขาดไปนิดหน่อยๆในช่วงต้นๆ เลยส่งผลให้ 1 กิโลสุดท้ายที่จะเข้าเส้นชัย กลายเป็น 2 กิโลกว่าๆเกือบ 3 กิโล

คำแนะนำสำหรับนักวิ่ง: งานวิ่งหนองคาย (ไทย-ลาว) มาราธอนในครั้งนี้จัดขึ้นถึง 4 ระยะ ซึ่งประกอบไปด้วย 3 10 21 และ 42 กม. ดังนั้นนักวิ่งทุกระดับไม่ว่าจะเป็นน้องใหม่หรือผู้เจนสังเวียนสามารถร่วมวิ่งงานนี้ได้ เส้นทางก็ไม่ยากเกินไปนัก แต่หากนักวิ่งท่านใดที่ลงในระยะมาราธอนก็อาจจะต้องทนร้อนกันนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง

คำแนะนำสำหรับผู้จัด: งานนี้ภาพโดยรวมจัดได้ดีพอสมควร แต่เป็นที่น่าเสียดายที่นักวิ่งร่วมงานไม่มากนัก เพื่อให้งานวิ่งหนองคายหรือที่ผู้จัดอยากให้เป็นไทย-ลาวมาราธอน ประเด็นหลักที่น่าจะมีผลต่อการตัดสินใจของนักวิ่งที่จะเข้าร่วมงานนี้ นั่นคือเส้นทางการวิ่ง เส้นทางการวิ่งในครั้งนี้ยังเป็นเส้นทางที่ยังไม่เด่นมากนัก เป็นเส้นทางที่วิ่งบนไหล่ถนนในตัวจังหวัดหนองคาย เริ่มต้นและสิ้นสุดในจ.หนองคายไม่ได้ข้ามไปสู่ประเทศลาว ในส่วนของระยะมาราธอนวิ่งผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแต่ก็ไม่ได้เห็นทัศนียภาพบนสะพานมากนักเพราะยังมืดอยู่ หากเป็นไปได้เพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์และสมชื่อของงานวิ่งไทย-ลาวมาราธอน เส้นทางวิ่งจากหนองคาย (ไทย) สู่ เวียงจันทร์ (ลาว) เหมือนในปี 2546 น่าจะเป็นเส้นทางที่จะได้รับความสนใจและให้การตอบรับจากนักวิ่งมากกว่านี้

การจัดวิ่งข้ามประเทศจะเป็นงานที่มีความยุ่งยาก มีอุปสรรคมากพอสมควร รวมทั้งการจัดงานที่ต้องมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นไทย-ลาวมาราธอนจึงถือว่าเป็นมาราธอนที่ท้าทายทั้งผู้จัดและนักวิ่งไม่น้อยทีเดียว และหากมองถึงอนาคตสำหรับไทย-ลาวมาราธอน ที่สามารถวิ่งข้ามประเทศได้จริง วิ่งครั้งเดียวได้เที่ยวถึง 2 ประเทศเชื่อได้ว่าไม่เพียงนักวิ่งไทยเท่านั้นที่จะสนใจร่วมงานนี้แน่นอน และเพื่อให้ได้การสนับสนุนที่มากยิ่งขึ้นทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ผู้จัดควรมีการวางแผนและประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนี้ งานวิ่งไทย-ลาวมาราธอนไม่จำเป็นที่จัดขึ้นทุกปีก็ได้ แต่ควรที่จะระยะเวลาในการจัดที่แน่นอนว่าจะจัดช่วงไหน เมื่อไหร่ และจะจัดขึ้นทุกๆกี่ปีก็ว่ากันไป

และในการจัดครั้งที่ผ่านมาสำหรับไทย-ลาวมาราธอน (หนองคาย) มาราธอน ก็ถูกประกาศให้นักวิ่งได้ทราบล่วงหน้ากันแทบไม่ถึงเดือน การประชาสัมพันธ์กระชั้นชิดสำหรับการจัดงานวิ่งมาราธอนถือว่าไม่เหมาะสักเท่าใดนัก นักวิ่งในระยะมาราธอนต้องการการฝึกฝนพอสมควร การแจ้งข่าวและประชาสัมพันธ์ในระยะเวลาอันกระชั้นชิดก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้นักวิ่งตัดสินใจไม่เข้าร่วมงานวิ่งนั้นๆเช่นกัน

หลังงานวิ่งจบลงแม้จะไม่มีเสียงบ่นก่นว่าตามหลังมาใช่ว่างานนั้นจะจัดได้ดีเยี่ยม หากแต่ว่างานวิ่งนั้นไม่มีนักวิ่งที่จะมาสะท้อนให้เห็นทำงานของผู้จัดเท่านั้นเอง ดังนั้นงานวิ่งที่มีนักวิ่งมากๆเสียงที่ตามมาย่อมสะท้อนให้ผู้จัดได้รู้ได้เห็นเป็นอย่างดีว่างานที่เราทำลงไปนั้นดีแค่ไหน มีผลตอบรับเป็นอย่างไร และก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในการจัดงาน ไทย-ลาวมาราธอน หรือ หนองคายมาราธอน จะได้ยินเสียงตอบรับมากขึ้นกว่านี้ และขอเป็นกำลังใจให้กับผู้จัดที่จะจัดให้สนามนี้เป็นไทย-ลาวมาราธอนสมชื่อในอนาคต

ปล. ไทย-ลาวมาราธอนวิ่งข้ามประเทศ ควรที่จะเป็นอีกหนึ่งมาราธอนที่ได้รับการสนุนให้เป็นมาราธอนนานาชาติได้ ดังนั้นสมควรเป็นอย่างยิ่งที่สนามวิ่งนี้จะได้รับการสนุนให้มากยิ่งขึ้นจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน

9.4.49

สงกรานต์มาราธอน ครั้งที่ 20

งานวิ่งสงกรานต์มาราธอน ครั้งที่ 20
วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน 2549
ณ สวนลุมพินี กรุงเทพ
สรุปผลการประเมิน TRES: (69 คะแนน) การจัดงานพอใช้ได้แต่ยังไม่ดีเท่าที่ควร

เส้นทางการวิ่ง:
เป็นระยะมาราธอนที่วิ่งวนเป็นรอบจำนวน 17 รอบ ภายในสวนลุมพินี ซึ่งเป็นสวนสาธารณะ เส้นทางวิ่งเป็นทางเรียบ นอกจากจะมีนักวิ่งยังมีประชาชนทั่วไปมาออกกำลังกายในเส้นทางการวิ่งด้วย การวิ่งปล่อยตัวเวลา 08.00 น. และจัดในช่วงหน้าร้อน ทำให้บรรยากาศและสภาพอากาศขณะแข่งขันร้อนมาก เส้นทางการแข่งขันยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจากครั้งที่ผ่านมาในปี 2548

คำแนะนำสำหรับนักวิ่ง: งานนี้คงต้องยืนยันว่าสงกรานต์มาราธอนเป็นมาราธอนที่วิ่งยากไม่ง่ายเหมือนที่นักวิ่งหลายคนคิด ไม่ใช้เพราะเส้นทางแต่เป็นเพราะอากาศที่ร้อนจัด หรือเรียกได้ว่าเป็นสนามที่ร้อนที่สุดในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ ดังนั้นสนามนี้จึงเป็นสนามที่ท้าทายมนุษย์มาราธอนมากพอดู สนามนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นมาราธอนแรกของผู้เริ่มวิ่งมาราธอน และสำหรับผู้ที่ผ่านมาราธอนมาแล้วหลายๆสนามก็ตามที ก็ควรฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นคุณก็อาจไม่จบมาราธอนนี้อย่างง่ายๆเหมือนกัน และในครั้งนี้นักวิ่งจำนวนไม่น้อยที่แม้จะผ่านมาราธอนมานับสิบแล้วก็ตาม ก็ไม่สามารถทนสู้กับความร้อนผ่านเข้าสู่เส้นชัย

คำแนะนำสำหรับผู้จัด:
จากการประเมินที่ผ่านมาในปี 2548 ปีนี้ ผู้จัดถือว่ามีการปรับปรุงพัฒนามากขึ้น ในจุดบกพร่องที่สำคัญ เช่นการเพิ่มจุดให้น้ำและการเตรียมพร้อมในเรื่องความปลอดภัยให้กับนักวิ่ง แต่ถึงแม้จะมีการปรับปรุงในประเด็นสำคัญหลักๆแล้วก็ตาม แต่โดยรวมแล้วยังออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากลักษณะของเส้นทางการแข่งขันที่ต้องวิ่งเป็นรอบ และวิ่งในสวนสาธารณะ ซึ่งสวนลุมพินีเป็นสวนสาธารณที่ประชาชนทั่วไปมาออกกำลังกายกันมาก จึงทำให้นักวิ่งวิ่งได้ไม่สะดวกเท่าที่ควร และนอกจากนั้น การประชาสัมพันธ์ที่กระชั้นชิดจนเกินไปเป็นไปได้ในการจัดมาราธอน ผู้จัดควรประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือนเพื่อการเตรียมตัว และในการจัดครั้งต่อๆไปหากผู้จัดยังคงที่จะดำรงรักษาประเพณีการวิ่งสงกรานต์มาราธอนโดยที่จะไม่เปลี่ยนแปลงเส้นทางการวิ่ง อยากให้ผู้จัดส่งเสริมให้มีกองเชียร์หลายๆกลุ่มไม่ว่าจะมาจากกลุ่มนักวิ่งเอง หรือจากชุมชนภายนอก เพื่อความสนุกสนานครื้นเครงเป็นกำลังใจแก่นักวิ่งให้มากว่านี้ เพราะการวิ่งเป็นรอบๆ ในสภาพอากาศร้อนๆ ยิ่งจะทำให้นักวิ่งเบื่อเอาง่ายๆ และไม่จบเกมส์เอาง่ายๆเหมือนกัน

23.10.48

ภูเก็ต ภูเขา หาดทราย มาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 1

ชื่องาน: ภูเก็ต ภูเขา หาดทราย มาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 1
วันที่: 23 ตุลาคม 2548
สถานที่: ณ สวนสาธารณะ กะรน หาดกระรน จ.ภูเก็ต
สรุปผลการประเมิน: 73 คะแนน พอใช้ได้

เส้นทางการเดิน-วิ่ง: เส้นทางการแข่งขันสำหรับมาราธอน 42.195 กิโลเมตร เป็นเส้นทางถนนลาดยางวิ่งขึ้นและลงเขา เรียบหาดทราย โดยเริ่มจากสวนสาธารณะกระรน – ย้อนไปภูเก็ตเมอร์ริเดียน ประมาณ 3.5 - และวิ่งย้อนกลับไปแหลมพรหมเทพ และวิ่งกลับมาเข้าสู่เส้นชัย ณ จุดสตาร์ทอีกครั้ง เส้นทางการวิ่งของสนามนี้ถือว่าโหดเอามากๆ ไม่ว่าจะเป็นพัทยา ขึ้นเนินในช่วงสุดท้าย หรือ ลานสกาที่วิ่งไปกลับภูเขา 2 ลูก เรียกว่าสองสนามนั้นถูกทำลายสถิติในด้านความโหดไปเลย เส้นทางขึ้น ลงเขาที่ทั้งสูงและชัน ตลอดเส้นทาง 42.195 กิโลเมตร แต่โชคดีที่อากาศไม่ร้อนมากนัก มีลมทะเลพัดเย็น และฝนตกปรอยๆลงมาเล็กน้อยพอเป็นกะสัย ในบริเวณจุดปล่อยตัว ณ หาดกะรน ค่อนข้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวทำให้ในเส้นทางในช่วงนั้นค่อนข้างพลุกพล่านนิดหน่อย มีกลิ่นควันรถบ้างเล็กน้อยถึงแม้จะปล่อยตัวเวลา 03.30 น. ก็ตาม

คำแนะนำสำหรับนักวิ่ง:
สำหรับสนามนี้นักวิ่งจะต้องทำการฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดี เนื่องจากเส้นทางขึ้น-ลงเขา หลายลูกและมีความชันมากพอสมควร สนามนี้ไม่เหมาะสำหรับนักวิ่งมาราธอนเท้าใหม่เท่าใดนัก ในระหว่างการวิ่งสิ่งที่นักวิ่งต้องระวังมากเป็นพิเศษ คือเรื่องการเป็นตะคริว เพราะเนื่องจากการวิ่งลงเขาที่ทั้งสูงและชัน จะทำให้เท้าเกร็ง เพื่อป้องกันการลื่นไถลลงมา
ถึงแม้สนามนี้จะมีเงินรางวัลเป็นสิ่งล่อใจนักวิ่งแนวหน้าทั้งหลาย แต่นักวิ่งแนวหน้าก็ไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าใดนัก ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากสภาพเส้นทางการวิ่งที่โหดมากๆอย่างนี้ ซึ่งเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเป็นอย่างมากสำหรับนักวิ่งที่ใช้เวลาเป็นเป้าหมายหลักสำหรับการวิ่ง ดังนั้นอยากบอกว่าหากสนามนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการวิ่ง สนามนี้ก็จะเรียกได้เป็นสนามที่โหดที่สุด เหมาะสำหรับนักวิ่งที่ชื่นชอบความท้าทาย อาศัยความทรหดสะกดความทรมาน

คำแนะนำสำหรับผู้จัด:
สนามนี้เป็นสนามที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นอย่างมาก ได้ทั้งความงามของธรรมชาติที่แฝงไปด้วยความโหดร้ายสำหรับระยะมาราธอน ดังนั้นในการจัดครั้งต่อๆไปหากผู้จัดยังคงใช้เส้นทางเดิม นักวิ่งส่วนใหญ่ที่จะเข้าร่วมวิ่งก็จะเป็นนักวิ่งที่ชื่นชอบความท้าทาย และเหล่าบรรดานักวิ่งหน้าเก่าๆเท่านั้น หน้าใหม่ไม่กล้าลงเพราะสนามนี้ต้องอาศัยความพร้อมของร่างกายเป็นอย่างมากที่จะจบการแข่งขัน สนามนี้อาจจะต้องเน้นไปที่ระยะสั้นเพื่อดึงดูดนักวิ่งหน้าใหม่
ในการจัดครั้งนี้ก็ได้เห็นความตั้งใจของเจ้าภาพเป็นอย่างมาก แต่ในบางครั้งความตั้งใจก็ยังไม่พอที่จะให้งานประสบความสำเร็จดังหวังได้ แต่ก็หวังว่าประสบการ์ณในการจัดครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ ภูเก็ต ภูเขา ชายหาด มาราธอนนานาชาติ ครั้งที่ 2 ประสบความสำเร็จมากขึ้นกว่านี้
สำหรับวัตถุประสงค์การจัดวิ่งในครั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว ดังนั้นการที่การจัดทัวร์ท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ หรือจัดทำแพคเกจสำหรับนักวิ่งในราคาประหยัด หรือหลายๆระดับตามแต่ความต้องการของนักวิ่งก็จะเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง นอกจากนั้นโรงแรมต่างๆก็จะได้เข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นและได้ประโยชน์จากการจัดวิ่งมากขึ้นด้วย

14.7.48

บางแสนมาราธอน

ชื่องาน: บางแสนมาราธอน (14 กรกฎาคม 2548)
สถานที่: หน้า เดอะไทด์ รีสอร์ท ชายหาดบางแสน
สรุปผลการประเมิน: 70 คะแนน พอใช้ได้ ยังไม่ดีเท่าที่ควร

เส้นทางการเดิน-วิ่ง: เส้นทางการวิ่งของสนามนี้ถือว่าเป็นสนามที่มีลักษณะใกล้เคียงกับพัทยามาราธอนแต่ว่า บรรยากาศค่อนข้างดีกว่าพัทยา ไม่ร้อนมากนัก เส้นทางการวิ่งสำหรับมาราธอนนี้เป็นการวิ่งไปกลับ สตาร์ทจากบริเวณหน้าเดอะไทด์รีสอร์ท วิ่งออกผ่านไปพัทยาสาย1 ผ่านแหลมแท่น วิ่งเรียบเขาสามมุข ไปเรื่อยๆ ผ่านอ่างศิลา วิ่งตรงตามถนนไปเรื่อยๆ จากอ่างศิลา วิ่งตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปวิ่งในสวนป่าชายเลน ผ่านสำนักงานอบจ. จากนั้นวิ่งบนถนนพระยาสัจจา เกือบถึงศาลากลางจังหวัดชลบุรี แต่เลี้ยวซ้ายก่อนผ่านไปทางศาลารวมในชล ผ่านสวนตำหนักน้ำ และวิ่งตรงขึ้นไปกลับตัวบนสะพานหลังจากวิ่งมา 21 กิโลกว่า เมื่อกลับตัวก็วิ่งกลับตามเส้นทางเดิมเข้าสู่เส้นชัย เส้นทางบางแสนมาราธอนครั้งถือได้ว่าไม่เลวทีเดียวที่จะใช้เป็นเส้นทางเอกลักษณ์สำหรับบางแสนมาราธอน แต่ที่น่าเสียดายก็คือตามเส้นทางไม่ค่อยมีส่วนร่วม หรือกำลังใจจากคนในชุมชนมากนัก

คำแนะนำสำหรับนักวิ่ง: เป็นอีกมาราธอนที่คิดว่าเหมาะกับนักวิ่งทุกระดับ เส้นทางไม่ยากเกินไป และไม่ง่าย บรรยากาศสวยงาม แต่หากมาราธอนนี้ยังมีการจัดในครั้งต่อๆไป โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเส้นทาง หรือช่วงเวลาการปล่อยตัว สิ่งที่อยากแนะนำนักวิ่ง และเตือนนักวิ่งเอาไว้ก็คือ ควรทายากันยุ่งป้องกันยุงกัด เพราะเส้นทางที่ผ่านบริเวณที่เป็นสวนป่าชายเลน ยุ่งเยอะมากๆ ใส่กางเกงวิ่งขายาวก็จะช่วยป้องกันได้อีกทางหนึ่ง ไม่ใช่ยุ่งเพียงแค่สิบ ยี่สิบนะคะ ขอเตือนนักวิ่งที่สนใจจะร่วมวิ่งในครั้งต่อๆไป

คำแนะนำสำหรับผู้จัด: ในเรื่องของเส้นทางการแข่งขันสำหรับมาราธอนถือว่าดีพอสมควร แต่สิ่งที่ทำให้บางแสนมาราธอนครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องมาจากการประชาสัมพันธ์ที่จวนตัวจนเกินไป งานที่หวังจะให้ประสบความสำเร็จควรมีการวางแผนและเตรียมการให้เรียบร้อยมากกว่านี้ การประสัมพันธ์ภายในระยะเวลาเพียงเดือน สองเดือน นักวิ่งมาราธอนก็เตรียมตัวเองให้พร้อมไม่ทันเช่นกัน โดยปกติทั่วไปนักวิ่งมาราธอนที่ตั้งใจมาเพื่อแข่งขันจริงอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลา 3 เดือนขึ้นไปเพื่อการฝึกซ้อม ดังนั้นการประชาสัมพันธ์เพียงแค่เดือน สองเดือน หรือเพียงแค่เป็นอาทิตย์ นักวิ่งย่อมไม่พร้อมที่จะร่วมงานอยู่แล้ว นอกจากนั้นบางท่านที่อยู่ไกลก็ไม่อาจรับรู้ข้อมูลการแข่งขันได้ทันเวลา การเปลี่ยนผู้จัด หรือผู้รับผิดชอบอย่างเป็นทางการในระยะเวลาเพียงสั้นๆ ก็ทำให้นักวิ่งไขว้เขว ไม่ไว้ใจในความพร้อมของการจัดงาน ดังนั้นหากมีงานไหนที่ทำให้นักวิ่งมั่นใจได้มากกว่านักวิ่งมีความสนใจไปร่วมงานนั้น การเปลี่ยนเส้นทางการวิ่ง จากที่ได้แจ้งไปแล้วอย่างเป็นทางการหรือที่ได้ประชาสัมพันธ์ออกไปไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นผลร้ายให้กับตัวนักวิ่งได้ หากเส้นทางที่แจ้งไว้ไม่ต่างกับเส้นทางใหม่มากนักก็ไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับนักวิ่งใหม่ๆบางท่าน หรือเพิ่งลงสนามแรก หากเส้นทางการวิ่งใหม่ยากเกินศักยภาพที่นักวิ่งได้ประเมินตัวเอง นี่แหละจะทำให้เกิดอันตรายกับนักวิ่งได้ หากไม่อันตรายแต่ก็บั่นทอนจิตใจนักวิ่งพอสมควรการจัดงานวิ่งไม่เฉพาะมาราธอนเท่านั้น รวมถึงกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นในชุมชน ชุมชนควรเข้ามามีส่วนร่วมบ้าง และควรมีการแจ้งให้ชุมชนได้รับทราบข่าวคราวของกิจกรรมด้วย อย่างน้อยเวลานักวิ่งไม่รู้สถานที่ของงาน คนในชุมชนยังพอให้ข้อมูลที่ถูกต้องได้ การจัดกิจกรรมในครั้งคิดว่าเร่งรัดจนเกินไป ทำให้มีเวลาน้อย ในด้านการเตรียมการ การประชาสัมพันธ์เลยเป็นเหตุทำให้งานวิ่งในครั้งอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่ก็หวังว่าคำแนะนำเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้จัดไดัพัฒนาและแก้ไขข้อผิดพลาดและประสบความสำเร็จในครั้งต่อๆไป

7.7.48

สุรินทร์มาราธอน

ชื่องาน: สุรินทร์มาราธอน
7 กรกฎาคม 2548
สถานที่: หน้าเทศบาลเมือง จ. สุรินทร์
สรุปผลการประเมิน: 79 คะแนน เกือบดี

เส้นทางการเดิน-วิ่ง: เส้นทางการวิ่งเริ่มจากในตัวเมืองสุรินทร์ บริเวณหน้าเทศบาลแล้วมุ่งหน้าไปทางวงเวียนพระยาสุรินทรภักดี แล้ววิ่งเข้าถนนปราสาท-สุรินทร์ ถึงสถาบันราชกัฎฯ เลี้ยวซ้ายไปสู่ถนนเลียบคลองส่งน้ำชลประทาน จากนั้นวิ่งเลียบคลองส่งน้ำผ่านอ่างน้ำตา ผ่านสี่แยกบายพาส ผ่านศูนย์ศิลปาชีพอิสานใต้ วิ่งไปจนถึงอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง แล้ววิ่งบนสันเขื่อน วิ่งไปเรื่อยๆจนถึงบ้ายโคกกะเพอ แล้วกลับตัวที่ระยะ 21 กิโลเมตร เส้นทางวิ่งกลับเป็นเส้นทางเดิมและกลับมาเข้าเส้นชัย ณ จุดปล่อยตัว บรรยากาศระหว่างเส้นทางการวิ่ง เป็นธรรมชาติ ท้องทุ่งนา และอ่างเก็บน้ำ ฝนตกในช่วงแรกทำให้อากาศเย็นสบาย เสียไปนิดที่เส้นทางวิ่งในช่วงแรกมืดมาก ประกอบกับฝนตกทำให้นักวิ่งต้องระวังมากขึ้นเพราะไม่เห็นเส้นทาง

คำแนะนำสำหรับนักวิ่ง: สำหรับนักวิ่งสนามนี้เป็นมาราธอนอีกสนามที่ถึงแม้เส้นทางจะไม่ท้าทายเหล่าบรรดามนุษย์มาราธอนเอาเท่าใดนักเพราะเป็นเส้นทางเรียบตลอด ไม่มีเนิน แต่บรรยากาศและทิวทัศน์ก็ถือว่าสวยงามไม่น้อย นักวิ่งสามารถวิ่งกันได้สบายๆ

คำแนะนำสำหรับผู้จัด: การจัดครั้งนี้เป็นการคืนกลับมาของสุรินทร์มาราธอนอีกครั้งซึ่งปกติจะจัดเพียงแค่ฮาล์ฟมาราธอน ก็อยากให้ผู้จัดจัดมาราธอนนี้ต่อเนื่องต่อไปอีก และในการจัดครั้งต่อๆไป ก็อยากให้หน่วยงานของภาครัฐอีกหลายๆหน่วยงานเข้ามามีบทบาทและส่วนร่วมมากขึ้นกว่านี้ รวมไปถึงชุมชนด้วย ถึงแม้ระหว่างเส้นทางการวิ่งจะมีทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติของท้องทุ่งนา และอ่างเก็บน้ำก็ตาม การวิ่งไปกลับเส้นทางเดิมก็อาจไม่ทำให้นักวิ่งสะดุดสะดุดใจมากนัก ดังนั้นหากชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วม มีกองเชียร์ตามเส้นทางการวิ่งก็จะดีไม่น้อยทีเดียว...

26.6.48

ชอนตะวันมาราธอน ครั้งที่ 3

ชื่องาน: ชอนตะวันมาราธอน ครั้งที่ 3
26 มิถุนายน 2548
สถานที่: สวนสวรรค์ จ.นครสวรรค์
สรุปผลการประเมิน: 76 คะแนน เกือบดี

เส้นทางการเดิน-วิ่ง: ชอนตะวันมาราธอน ถือเป็นอีกมาราธอนที่น่าสนใจไปวิ่งไม่น้อยทีเดียว ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อมาราธอนนี้แล้วรู้สึกไม่ค่อยน่าสนใจเอาซักเท่าไหร่นัก แต่พอได้ไปวิ่งอยากบอกว่าเป็นอีกสนามที่น่าประทับใจ ถึงแม้จะวิ่งวนเป็นรอบถึง 13 รอบ เส้นทางก็ราบเรียบไม่มีเนิน ไม่มีเขา ไม่มีผู้คนภายนอกไม่มากนัก ดูเหมือนน่าเบื่อก็ตามที แต่ด้วยบรรยากาศร่มรื่นในสวนสวรรค์ กลิ่นดอกไม้อบอวลตอนเช้า แดดทอแสง สายลมพัดเบาๆ นักวิ่งที่คอยให้กำลังใจกันเอง วิ่งสบายๆ ไม่ต้องคอยหลบหลีกเพราะกลัวรถจะชนเอา ทำให้รู้สึกประทับใจ อุ่นใจในความปลอดภัยที่สุดในบรรดามาราธอนที่ผ่านมา

คำแนะนำสำหรับนักวิ่ง: สนามนี้เหมาะกับนักวิ่งมาราธอนทุกระดับ โดยเฉพาะนักวิ่งมาราธอนน้องใหม่สนามนี้น่าลองที่สุดหรือใช้เป็นสนามเตรียมความพร้อม หรือซ้อมที่จะลงมาราธอนที่ท้าทายมากๆ

คำแนะนำสำหรับผู้จัด: สนามนี้เป็นสนามที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้รับความนิยมจากนักวิ่งมาราธอนมากนัก แต่หากผู้จัดมีการประชาสัมพันธ์มากขี้น และให้คนในชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมมากว่านี้น่าจะเป็นการดี และในการจัดที่ผ่านมาผู้จัดจะเน้นไปที่ตัวถ้วยรางวัลที่แจกให้กับนักวิ่งทุกคน ซึ่งทำให้ค่าสมัครร่วมการแข่งขันสูง จึงทำให้นักเรียนและเยาวชนส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้เข้ามาร่วมกิจกรรมนี้มากนัก